โครงงานระบบเตือนภัยภาวะน้ำท่วมฉับพลันด้วยเสียง ภาพ และไลน์ โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์
ที่มาและความสำคัญ
“อุทกภัย” ถือเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติอีกภัยหนึ่งที่ก่อเกิดปัญหาในหลาย ๆ ด้าน ถ้าหากประชาชนไม่สามารถอพยพได้ทันก่อนเกิด “ภาวะน้ำท่วมฉับพลัน” ก่อให้เกิดความสูญเสียที่ตามมาอีกมากมาย เนื่องจากด้วยภาวะดังกล่าวที่ว่านี้จะเกิดขึ้นภายในระยะเวลาสั้น ๆ และรวดเร็วซึ่งสาเหตุมาจากการสะสมหรือรวมตัวของน้ำที่มีอยู่เดิมให้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วบางครั้งอาจเกิดร่วมกับภาวะดินโคลนถล่มจากภูเขาอีกด้วย
ปัญหาอุทกภัยหรือน้ำท่วมนั้น ส่งผลกระทบต่อประเทศชาติในหลาย ๆ ด้าน ดังที่ทราบกันมาแล้วว่าเมื่อไม่นานมานี้จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดใกล้เคียง เกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันอย่างรุนแรง และเกิดปัญหาข้าวของเสียหาย อุทกภัยในครั้งนี้ก่อความรุนแรง กับชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชและผลที่ตามมาคือ ขาดแคลนข้าวของเครื่องใช้ทั้งด้านอุปโภค และบริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จําเป็นต่อการดํารงชีวิต ภาวะเหล่านี้เกิดจากปัญหาที่ยากต่อการแก้ไข
ทางกลุ่มผู้จัดทําโครงงานเล็งเห็นถึงความสําคัญหนึ่งว่า หากผู้ประสบอุทกภัยทราบ เหตุการณ์การเกิดอุทกภัย ก่อนล่วงหน้าแล้วอาจมีโอกาสที่จะอพยพและได้รับผลกระทบน้อยลง ซึ่งทางกลุ่มผู้จัดทําโครงงานจึงคิดจัดทําโครงงานในหัวข้อเรื่อง ระบบเตือนภัยภาวะน้ำท่วมฉับพลันด้วยเสียง ภาพ และไลน์ อัตโนมัติ เพื่อเป็นการช่วยบรรเทาผลกระทบที่ตามมาหลังการเกิดอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
หลักการทำงาน
เมื่อระดับน้ำในระบบเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจน Sensor อัลตราโซนิกจะตรวจวัดระดับน้ำ และจะส่งสัญญาณเตือนในรูปของแสงไฟ ดังนี้
- สัญญาณไฟสีเขียว ระดับน้ำสูง ๑ เมตร หมายถึงยังอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
- สัญญาณไฟสีเหลือง ระดับน้ำสูง ๒ เมตร หมายถึงยังอยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง
- สัญญาณไฟสีแดง ระดับน้ำสูง ๓ เมตร หมายถึงยังอยู่ในเกณฑ์ที่อันตรายอาจต้องอพยพ
ผลของการทดสอบ
ระบบเตือนภัยแสดงสัญญาณเตือนระดับน้ำได้ตรงตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ แต่อาจจะต้องเพิ่มระบบตรวจวัดความเร็วน้ำ เนื่องจากในระบบธรรมชาติจริง ๆ มีเหตุการณ์น้ำหลากอย่างเฉียบพลันอยู่บ่อยครั้ง