โครงงงาน “ตู้แลกเหรียญ”

ที่มาและความสำคัญ

  ทาง โรงเรียนเชียงกลางปริยัติศึกษาได้มีการจัดทำโครงงานตู้ขายปากกา ขึ้นในปีการศึกษาที่ผ่าน และเปิดให้นักเรียนได้ทำการทดลองซื้อปากกา ผ่านตู้ขายปากกา จากที่พบปัญหานักเรียนส่วนใหญ่ไม่มีเหรียญ 5 บาท จึงทำให้นักเรียนไม่ไปซื้อปากกาที่ตู้ขายปากกาและบางทีก็ต้องรอเจ้าหน้ามาขายปากกาเหมือนเดิม จากปัญหาที่กล่าวมานี้ ผู้จัดทำจึงคิดที่จะแก้ไขปัญหา โดยคิดทำโครงงานตู้แลกเหรียญขึ้นมา

วัตถุประสงค์

1. ออกแบบและสร้าง ตู้แลกเหรียญ
2. ประเมินผลการใช้งานของ ตู้แลกเหรียญ ด้วยวิธีการ ดังต่อไปนี้
   2.1  ทดสอบความแม่นยำของการตรวจสอบธนบัตร
   2.2  ทดสอบการแม่นยำของการจ่ายเหรียญให้ตรงกับธนบัตรที่ใส่

วัสดุอุปกรณ์

1. GOGO Bright                           
2. KidBright                                 
3. เซนเซอร์อินฟาเรด
4. สวิทช์
5. มอเตอร์
6. เซอร์โวมอเตอร์
7. แผ่นอะคริลิค
8. กาวร้อน
9. อะแดปเตอร์

ผังโครงสร้าง

หลักการทำงาน

             เงื่อนไขการทำงานของระบบ

1. เมื่อสอดธนบัตรใบละ 20 บาท ลงในช่องใส่ธนบัตร เซนเซอร์ตัวที่ 1 อ่านค่า แล้วสั่งให้มอเตอร์หมุนธนบัตรเข้าไป เมื่อผ่านเซนเซอร์ตัวที่ 2 และค่าของเซนเซอร์ขึ้น 2 ตัว ก็แสดงบนหน้าจอ LED ของ KidBright เป็นตัวเลข 20 และให้กดปุ่มปล่อยเหรียญ หน้าจอ LED ของ KidBright ก็จะขึ้นเป็นตัวเลข 4 เท่าจำนวนครั้งของ เหรียญที่จะปล่อย
2. เมื่อสอดธนบัตรใบละ 100 บาท ลงในช่องใส่ธนบัตร เซนเซอร์ตัวที่ 1 อ่านค่า แล้วสั่งให้มอเตอร์หมุนธนบัตรเข้าไป เมื่อผ่านเซนเซอร์ตัวที่ 2 และเซนเซอร์ตัวที่ 3 มีค่าของเซนเซอร์ขึ้น 3 ตัว ก็แสดงบนหน้าจอ LED ของ KidBright เป็นตัวเลข 100 และให้กดปุ่มปล่อยเหรียญ หน้าจอ LED ของ KidBright ก็จะขึ้นเป็นตัวเลข 20 เท่าจำนวนครั้งของ เหรียญที่จะปล่อย
3. เมื่อธนบัตรที่ใส่เข้าไปในช่อง แล้วเซ็นเซอร์อ่านค่าไม่ได้ ให้ขึ้นคำว่า Error แล้วให้มอเตอร์หมุนคืนธนบัตร
4. สามารถสอดเพิ่มธนบัตรได้ (เช่น เมื่อสอดธนบัตรใบละ 20 บาท เข้าไป 1 ครั้ง แล้วสามารถสอดธนบัตรใบละ 20 บาท เพิ่ม รวมเป็น 40 บาท และปล่อยเหรียญเท่าจำนวนเงินที่ใส่เข้าไป หรือใส่ธนบัตรใบละ 100 บาท และใบ 20 บาท รวมเป็น 120 บาท ก็จะปล่อยเหรียญเท่าจำนวนเงินที่ใส่เข้าไป)

ผลการทดสอบ

     สรุปผลการทดลอง ทั้ง 2 ชนิด คือ ใบละ 20 และใบละ 100
จากการทดสอบ สอดธนบัตรทั้ง 2 ชนิด คือ ใบละ 20 และใบละ 100 จำนวน 100 ครั้งพบว่าเซนเซอร์อ่านค่าถูกว่าเป็นธนบัตรใบละ 20 และเหรียญที่ปล่อยตรงตามจำนวน จำนวน 98 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 98 และอ่านค่าผิด จำนวน 2 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 2 และ พบว่า ระบบเซนเซอร์อ่านค่าถูกว่าเป็นธนบัตรใบละ 100 และเหรียญที่ปล่อยตรงตามจำนวน จำนวน 72 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 72 และอ่านค่าผิด จำนวน 28 ครั้งคิดเป็นร้อยละ 28 จากการทดสอบทั้งกล่าวจะเห็นได้ว่า การอ่านค่าของธนบัตรใบละ 100 ข้อผิดพลาด มากกว่าธนบัตรใบละ 20
ทดสอบ

ขั้นตอนการดำเนินงาน

ขั้นตอนที่ 1 (Plan) : วางแผนปรึกษากำหหนดเป้าหมายฝศึกษาออกแแบบชุดจำลองของโครงสร้างที่ออกแแบ

ขั้นตอนที่ 2 (Do) : ลงมือปฏิบัติตามแผน/ออกแบบการเขียนโปรแกรมควบคุม KidBrightและ GOGO Brightนำสู่การปฏิบัติทดลองเพื่อสั่งการทำงานของอุปกรณ์ ให้ทำงานตามกระบวนการต่างๆ ที่เรากำหนดไว้

ขั้นตอนที่ 3 (Check) : ติดตามตรวจสอบแก้ไขจากผลการทดลอง / ทดลองการทำงานของโครงงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

ขั้นตอนที่ 4 (Action): ดำเนินการปรับปรุงพัฒนาโครงงานอย่างเหมาะสมให้สามารถใช้งานได้จริงและสามารถนำสู่การไปประยุกต์ใช้ได้

วีดีโอผลงาน

คณะผู้จัดทำโครงงาน

สามเณรภูวนาท    สิทธิ

สามเณรฉัตรริน   มาจันทร์

อาจารย์ที่ปรึกษา
นางสาวศิวพร จิณะแสน    สอนวิชา การงานอาชีพ
โทรศัพท์ 0897586821 E-mail nong55160@gmail.com

สถานศึกษา โรงเรียนเชียงกลางปริยัติศึกษา
ที่อยู่ของโรงเรียน 551 หมู่ 13 บ้านสบกอน ต.เชียงกลาง อ.เชียงกลาง จ.น่าน

โครงงาน “ตู้ขายปากกา  เวอร์ชั่น 2”

ที่มาและความสำคัญ

ทางโรงเรียนเชียงกลางปริยัติศึกษา ของเราได้จัดทำโครงงานตู้ขายปากกาขึ้น ในปีการศึกษาที่ผ่านมา เพื่อนำไปใช้แก้ไขปัญหาเจ้าหน้าที่ห้องสหกรณ์ของโรงเรียนไม่เปิดห้อง จากการนำตู้ขายปากกานำไปใช้จริง ผู้จัดทำพบปัญหาการทำงานของระบบตู้ขายปากกา คือ 1. เมื่อหยอดเหรียญ 1 บาท หรือ 2 บาท ลงไป บางครั้งเครื่องก็อ่านค่าของเหรียญได้ และทำการจ่ายปากา (เนื่องจากเรากำหนดค่าของปากกา คือ ต้องหยอดเหรียญ 5 บาท เท่านั้น) 2.เมื่อหยอดเหรียญลงไปแล้ว กดปุ่มกดเลือกปากกาแล้ว ปากกาไม่จ่าย จากปัญหาข้างต้นผู้จัดทำเลยต้องการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพของตู้ขายปากกาให้มีประสิทธิภาพการทำงานให้แม่นยำขึ้น จึงได้จัดทำโครงงานตู้ขายปากกาเวอร์ชั่น 2 ขึ้น

วัตถุประสงค์

1. เพื่อให้ได้ตู้ขายปากกา ตามเงื่อนไขที่กำหนด
2. เพื่อลดปัญหาการ ขายปากกาเวลาไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่
3. เพื่อนำเทคโนโลยีของ GoGo Bright และ KidBright มาประยุกต์ใช้

วัสดุอุปกรณ์

1. GOGO Bright
2. KidBright
3. เซนเซอร์อินฟาเรด
4. สวิทช์
5. มอเตอร์
6. อะแดปเตอร์
7. แผ่นอะคริลิค
8. กาวร้อน

หลักการทำงาน

เงื่อนไขการทำงานของระบบ

1. เมื่อหยอดเหรียญ 1 บาท ผ่านเซ็นเซอร์ ครบ 5 เหรียญ ก็แสดงบนหน้าจอ LED ของ KidBright เป็นตัวเลข 5 ผู้ซื้อสามารถเลือกกดปุ่มปากกา สีแดง และสีน้ำเงินได้
2. เมื่อหยอดเหรียญ 5 บาท ผ่านเซ็นเซอร์ ก็หน้าจอ LED ก็แสดงบนหน้าจอ LED ของ KidBright เป็นตัวเลข 5 ผู้ซื้อสามารถเลือกกดปุ่มปากกา สีแดง และสีน้ำเงินได้
3. เมื่อผู้ซื้อหยอดเหรียญ 2 บาท และ เหรียญ 10 บาท ตู้จะทำการคืนเงินให้
4. ถ้าไม่หยอดเหรียญเมื่อกดปุ่มเลือกเลือกปากกา ก็ไม่สามารถปล่อยมาปากกาให้ผู้ซื้อ
5. สามารถหยอดเหรียญ 1 บาท และเหรียญ 5 บาท รวมกันได้ และแสดงหน้าจอ LED เป็นตัวเลข 5 ตัวเลข 10 ตัวเลข 15 ตัวเลข 20 เมื่อผู้ซื้อกดปุ่มปากกา สีแดง และสีน้ำเงิน ค่าของตัวเลขบนหน้าจอ LED ก็จะลดค่าที่ละ 5 จนกว่าจะมีค่าเป็น 0
6. เมื่อหยอดเหรียญไม่ครบตามจำนวนค่าของปากกาที่ กำหนดค่าปากกา คือ 5 บาท ก็ไม่สามารถกดเลือกปากกาได้
   

ขั้นตอนการดำเนินงาน

ขั้นตอนที่ 1 (Plan) : วางแผนปรึกษากำหหนดเป้าหมายฝศึกษาออกแแบบชุดจำลองของโครงสร้างที่ออกแแบ

ขั้นตอนที่ 2 (Do) : ลงมือปฏิบัติตามแผน/ออกแบบการเขียนโปรแกรมควบคุม KidBrightและ GOGO Brightนำสู่การปฏิบัติทดลองเพื่อสั่งการทำงานของอุปกรณ์ ให้ทำงานตามกระบวนการต่างๆ ที่เรากำหนดไว้

ขั้นตอนที่ 3 (Check) : ติดตามตรวจสอบแก้ไขจากผลการทดลอง / ทดลองการทำงานของโครงงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

ขั้นตอนที่ 4 (Action): ดำเนินการปรับปรุงพัฒนาโครงงานอย่างเหมาะสมให้สามารถใช้งานได้จริงและสามารถนำสู่การไปประยุกต์ใช้ได้

วีดีโอผลงาน

คณะผู้จัดทำโครงงาน

สามเณรสุวพีร์    สมฤทธิ์

สามเณรพัฒชรพล   สุขอยู่

อาจารย์ที่ปรึกษา

นางสาวศิวพร จิณะแสน     โทรศัพท์ 0897586821         E-mail nong55160@gmail.com

สถานศึกษา โรงเรียนเชียงกลางปริยัติศึกษา

ที่อยู่ของโรงเรียน 551 หมู่ 13 บ้านสบกอน ต.เชียงกลาง อ.เชียงกลาง จ.น่าน

โครงงาน “เครื่องนับเหรียญอัตโนมัติ”

ผู้จัดทำ

1. สามเณรณัฐพงษ์ ศรีสวัสดิ์     ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
2. สามเณรธีรัช ปัญญาวงค์        ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
3. สามเณรนพรัตน์   คำพาบ      ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1

อาจารย์ที่ปรึกษา: นายสุรชัย   ฟองนันตา

โรงเรียนพระปริยัติศาสนาภิพัฒน์ วัดเมืองราม   จังหวัดน่าน

เนื่องด้วยในแต่ละวันสหกรณ์ร้านค้าและสหกรณ์ออมทรัพย์ของโรงเรียนพระปริยัติศาสนาภิพัฒน์ วัดเมืองราม มีสามเณรนำเงินมาซื้อของโดยได้รับเหรียญหลายประเภทและเป็นจํานวนมากซึ่งเสียเวลาในการใช้บุคลากรคัดแยกและนับจํานวนอีกทั้งยังอาจเกิดความผิดพลาดในการนับจํานวนขึ้นได้ ทางผู้จัดทําโครงงานจึงได้คิดประดิษฐ์เครื่องแยกและนับเหรียญขึ้น เพื่อคัดแยกเหรียญแต่ละประเภทออกจากกัน แสดงจํานวนเหรียญหรือจํานวนเงินของเหรียญแต่ละประเภท แสดงจํานวนเงินรวม และแจ้งการทํางานผ่านระบบเครือข่าย (IoT) ซึ่งโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ในการช่วยลดเวลาการทํางานและลดข้อผิดพลาดจากการ จากการนับด้วยบุคลากร ช่วยให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารนําไปใช้กับร้านค้าทั่วไป หรือผู้ที่สนใจได้อีกด้วย

โครงงาน “เครื่องวัดการงอตัวไปข้างหน้า”

(ความยืดเยียดของกล้ามเนื้อ)

ผู้จัดทำ

1.  สามเณรวสุรัตน์     แปงไชย   ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3
2. สามเณรเจษฏา       ตรีมูล       ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3

อาจารย์ปรึกษา:          นายศิวะนันท์  บัวนิติสกุล

โรงเรียนนันทบุรีวิทยา พระปริยัติธรรม  จังหวัดน่าน

เทคโนโลยีหมายถึงสิ่งที่มนุษย์พัฒนาขึ้นเพื่อช่วยในการทำงานหรือแก้ปัญหาต่าง ๆ เทคโนโลยีเป็นการประยุกต์นำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้และก่อให้เกิดประโยชน์ในทางปฏิบัติแก่มวลมนุษย์   เทคโนโลยีเป็นการนำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในปัจจุบันได้นำเอาความรู้ทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในด้านการดูแลรักษาสุขภาพ เบื้องต้น อาทิในการออกกำลังกายก็จะมีเครื่องมือวัดอัตราการทำงานของหัวใจ เครื่องมือวัดความดันโลหิต  เครื่องชั่งน้ำนัก ที่วัดส่วนสูงระบบอัตโนมัติเครื่องมือทดสอบการออกกำลังกายเพื่อนำผลที่ได้มาจำแนกว่าบุคคลนั้นสามารถออกกำลังกายได้ในเวลากี่นาที ต่อครั้ง และสามารถระบุประเภทการออกกำลังกายได้ว่าการออกกำลังกายประเภทไหนที่เหมาะสมกับวัยของตนเอง

คณะผู้จัดทำโครงงานการงอตัวไปข้างหน้า(ความยืดเยียดของกล้ามเนื้อ) ขึ้นเพื่อเป็นเครื่องที่วัดความยืดหยุ่นของกลุ่มกล้ามเนื้อบริเวณต้นขาด้านหลัง หลังส่วนล่าง เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ซึ่งจะช่วยให้การออกกำลังกายของเราได้อย่างเหมาะสมกับสภาพร่างกายของเราให้ดียิ่งขึ้นและ ได้เรียนรู้การประยุกต์ใช้การใช้สมองกลฝังตัว KidBright ในการควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ   และเพื่อการพัฒนาการใช้โปรแกรม KidBright  ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

โครงงาน “นับจำนวนคนเข้า-ออก ห้องสมุด”

ที่มาและความสำคัญของโครงงาน

เนื่องจากในปัจจุบันมีจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้นและมีความเป็นไปได้สูงที่ทาง ผู้ให้บริการในด้านต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ห้องสมุด โรงพยาบาล ฯ ย่อมอยากรู้จำนวนคนเข้าออกและจำนวนคนที่อยู่ภายในอาคารเพื่อที่จะได้พัฒนาหรือปรับปรุงสถานที่ที่ให้บริการของตัวเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและปัจจุบันเทคโนโลยี Internet of Things กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเนื่องในยุคโลกาภิวัตน์ ทางคณะผู้จัดทำได้มีความคิดว่าควรจะนำเทคโนโลยีส่วนนี้มาประยุกต์ใช้ใน โรงเรียนพุทธโกศัยวิทยา จังหวัดแพร่ มีห้องสมุดในโรงเรียนเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ บริการในการสืบค้นข้อมูลในด้านต่างๆ ซึ่งแต่ละวันมีนักเรียนเข้าใช้บริการจำนวนวันละประมาณ 100 กว่ารูป ดังนั้นเพื่อเป็นการจัดเก็บข้อมูลจำนวนนักเรียนสามเณรและผู้ที่มาใช้บริการห้องสมุดในแต่ละวัน เดือน ปี ให้มีจำนวนที่แน่นอนและสามารถนำมาเป็นข้อมูลสารสนเทศของโรงเรียนต่อไป

วัตถุประสงค์

1. ศึกษาการเขียนโปรแกรมและการทำงานของระบบสมองกลฝังตัว
2. ศึกษาการทำโครงงานวิทยาศาสตร์สิ่งประดิษฐ์
3. เพื่อบันทึกสถิติการเข้าห้องสมุดในแต่ละวัน สัปดาห์ เดือน  เพื่อให้รู้ว่ามีผู้เข้ารับบริการห้องสมุดจำนวนที่แน่นอนเป็นการเก็บข้อมูลสารสนเทศของโรงเรียน
4. เสริมสร้างความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ พัฒนากระบวนการคิด การกล้าแสดงออก
5. สามารถนำโครงงานไปประยุกต์ใช้ได้จริง

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ทำโครงงาน

1.  GoGo Board                                          2.  Raspberri Pi                                             3.  Relay

4.  ไม้                                                           5.  Clock module                                        6. PIR motion sensor

7. Infrared sensor                                     8. หลอดไฟ                                                  9. Adaptor & USB wire

10.  Micro SD                                      11.  Web camera                                             12.   สายไฟจัมเปอร์สายแพร

ผังโครงสร้าง

เงื่อนไขการทำงานของระบบ

การติดตั้งระบบ(แบบจำลอง)

1. ติดตั้ง GoGo Board และ Raspberry PI บนโครงสร้างที่เตรียมไว้ เสียบสาย micro USB  ให้เรียบร้อย แฟลชเมโมรี่การ์ดและลงระบบปฏิบัติการของ Pi ให้เรียบร้อย
2. เสียบสาย INPUT SENSOR บนบอร์ดดังนี้
   พอร์ตที่ 1 : Infrared sensor ติดตั้งบริเวณผนังทางเข้า โดยยิงเซนเซอร์จากอีกฝั่งไปชนกับอีกฝั่งหนึ่ง
   พอร์ตที่ 2 : Motion  Sensor ใช้ตรวจจับการเคลื่อนไหวภายในห้องสมุด
   พอร์ตที่ 3 : Button ปุ่มจำลองในการส่งข้อความแจ้งเตือนผ่านสมาร์ทโฟนเมื่อถึงเวลาที่กำหนด
   พอร์ต I2C : GoGo Clock Module ส่งข้อมูลเวลาให้บอร์ด
3. เสียบสาย OUTPUT 5V บนบอร์ดดังนี้
   พอร์ต A : ต่อกับ Relay เพื่อควบคุมหลอดไฟ

การทำงานของระบบ

1. การนับจำนวนคน เมื่อมีคนเดินผ่าน ณ ทางเข้า ซึ่งตัดกับทางเดินของแสงอินฟราเรด ทำให้ค่าสัญญาณ   เปลี่ยน บอร์ดจะนับ 1, 2,3 ไปเรื่อยๆและ สั่งเปิดใช้งานไปเมื่อมีคนอยู่ และเมื่อมีคนออก ระบบ จะทำให้ค่า สัญญาณ เปลี่ยน บอร์ดจะลดจำนวนลงตามจพนวนคนออก เมื่อไม่มีผู้คนอยู่ในห้องสมุดแล้ว ระบบ จะทำการ ปิดไฟในห้องสมุด อัตโนมัติ และ ห้องสมุดจะปิด เวลา 17.30 น. Pi จะแจ้งจำนวนผู้เข้าห้องสมุดผ่าน  เทเลแกรมแอพพลิเคชั่น ในวันนั้นๆ และ จำนวนคนจะถูกรีเซ็ตเป็น 0 เพื่อนับใหม่ในวันถัดไป
2. เมื่อครบ 1 อาทิตย์ ระบบจะส่งค่าของจำนวนผู้เยี่ยมชมทั้งหมดในอาทิตย์นั้นๆ และคิดค่าเฉลี่ยให้
3. เมื่อมีผู้เข้าใช้บริการห้องสมุด จะใช้ Motion Sensor ตรวจจับ หากมีคนเข้าจะเปิดไฟค้างไว้ แต่ถ้าไม่มีคนอยู่ในห้องสมุด ระบบจะปิดไฟอัตโนมัติ เพื่อประหยัดพลังงาน
4. ระบบจะบันทึกกราฟของจำนวนผู้เข้าชมใน 1 วัน ไว้เป็นสถิติ และ จะช่วยเปรียบเทียบได้ว่า วันที่มีคนมาเยี่ยมชมมากที่สุด และ น้อยที่สุด ซึ่งสามารถนำไปดำเนินการทางสถิต และเอามาเก็บรวบรวมได้ เพื่อเป็นสถิติ

CODE คำสั่งการทำงาน

ผลของการทดสอบ

สามารถใช้งานตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ระบบนับจำนวนคนเข้าออกห้องสมุด สามารถทำงานตามคำสั่งของ Algorithm ของโปรแกรมที่เขียนได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ โดยการทดสอบการควบคุมการนับในแบบต่างๆแล้วพบว่าการส่งข้อมูล Telegram จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของสัญญาณอิเตอร์เน็ตและความเสถียรของ Sever ของ Telegram เอง

รูปการทำงาน

ขั้นตอนที่ 1 (Plan) : วางแผนปรึกษากำหนดเป้าหมาย / ศึกษาออกแบบชุดจำลองของโครงสรา้งที่ออกแบบ

ขั้นตอนที่ 2 (Do) : ลงมือปฏิบัติตามแผน/ออกแบบการเขียนโปรแกรมควบคุมระบบการทำงาน   นำสู่การปฏิบัติทดลองเพื่อสั่งการทำงานของอุปกรณ์ ให้ทำงานตามกระบวนการต่างๆ ที่เรากำหนดไว้

ขั้นตอนที่ 3 (Check) : ติดตามตรวจสอบแก้ไขจากผลการทดลอง / ทดลองการทำงานของโครงงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

ขั้นตอนที่ 4 (Action): ดำเนินการปรับปรุงพัฒนาโครงงานอย่างเหมาะสมให้สามารถใช้งานได้จริงและสามารถนำสู่การไปประยุกต์ใช้ได้

วีดีโอผลงาน

คิตตามได้ผ่าน youtube คลิก ลิ้งค์ด้านล่างได้เลยครับ

คณะผู้จัดทำโครงงาน

1. สามเณรสุรเดช      กอนสัน
2. สามเณรณรงชัย      ธรรมโหร
3. สามเณรณัฐพล        จ่อแก้ว

ครูที่ปรึกษาโครงงาน

1. นายอนันต์  จินดาคำ
2. นางสาวเบญจมาศ  หงษ์ห้า

สถานศึกษา

โรงเรียนพุทธโกศัยวิทยา   จังหวัดแพร่   16 ถนนเจริญเมือง ตำบล ในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่   54000

โครงงาน “ตู้อบสมุนไพร”

ผู้จัดทำ

1. สามเณรนวล ดวงแก้ว
2. สามเณรอชิตพล คำปัญจะ
3. สามเณรธนากร ชัยวงค์

ครูที่ปรึกษา

1. พระใบฎีกาพิพัฒน์ อภิวฑฺฒโน
2. นางสาวสริตา เมืองมูล

โรงเรียนร้องแหย่งวิทยาคม พระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา จังหวัดแพร่

โครงงานตู้อบสมุนไพร มีจุดมุ่งหมายเพื่อออกแบบ สร้างตู้อบสมุนไพรอัจฉริยะไว้ใช้ในโรงเรียน และเพื่อประเมินผลการใช้งานของตู้อบใบชาอัจฉริยะ ด้วยวิธีการควบคุมอุณหภูมิภายในตู้ให้มีความเหมาะสม ต่อคุณภาพของใบชา และสามารถควบคุม ดูการทำงานของตู้อบใบชาผ่านโทรศัพท์มือถือได้ ซึ่งการสร้างตู้อบ สมุนไพรในครั้งนี้ มีระดับความพึงพอใจมากที่สุด โดยมีวัสดุที่ใช้ และประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ เหมาะสม แก่การใช้งาน โดยประสิทธิภาพของตู้อบสมุนไพร มีประสิทธิภาพอยู่ในระดับดี การทำงานของมอเตอร์ การทำงานของพัดลมระบายอากาศ และคุณภาพของใบชา มีประสิทธิภาพในการทำงานระดับดี ส่วนประสิทธิภาพ การทำงานของโปรแกรม และประสิทธิภาพของการควบคุมอุณหภูมิภายในตู้ ยังอยู่ในระดับปานกลาง เนื่องจากโครงงานนี้ยังเป็นโครงงานใหม่ ที่ต้องอาศัยการทดลองให้คงที่ ทั้งการทำงานของโปรแกรม และคุณค่าของใบชาที่ได้ จึงควรมีการพัฒนาทดสอบคุณค่าทางสมุนไพรของใบชา เพื่อเปรียบเทียบกับผลผลิตที่ได้ จากตู้อบสมุนไพร เพื่อประโยชน์ต่อการศึกษาต่อไป