โครงงานเครื่องแยกขนาดมะนาวอัตโนมัติ
(ม.ปลาย)

ผู้จัดทำ

1. นาย เจษฏา  แป้นแก้ว
2. นาย อภิสิทธิ์  สิทธิจรูญ
3. นางสาว เบญจพร สถิตยะบุตร

อาจารย์ที่ปรึกษา: นาวสาว รุ่งรัตน์ จีรวิทย์ขจร

สถานศึกษา : โรงเรียนปิยชาติพัฒนา ในพระราชูปถัมภ์ฯ

บทนำ

เนื่องจากกลุ่มผู้จัดทำโครงงานนี้ต้องการที่จะสร้างโครงงานสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้กลับกลุ่มตัวอย่างได้ทางกลุ่มผู้จัดทำโครงงานจึงตั้งจุดประสงค์ในการจัดทำไปที่กลุ่มเกษตรกรและได้นำเอาปัญหาคือ “การคัดแยกขนาดของมะนาว” ที่ต้องใช้คนในการคัดแยก ซึ่งบางครั้งผลที่ได้อาจไม่ตรงตามที่ต้องการและความยากในการคัดแยกขนาดลูกมะนาว

ทางกลุ่มผู้จัดทำโครงงานจึงเล็งเห็นปัญหาตรงนี้แและน ามาใช้เป็นแนวทางในการออกแบบโครงงานสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของเหล่าเกษตรกรที่ปลูกมะนาว ผู้จัดทำโครงงานจึงได้ตั้งชื่อโครงงานนี้ว่า  “เครื่องแยกขนาดมะนาวอัตโนมัติ” ในการออกแบบโครงงานสิ่งประดิษฐ์นี้โดยทางกลุ่มผู้จัดทำโครงงานได้กำหนดเครื่องคัดแยกนี้ให้คัดแยกได้ 1 ขนาดคือ ลูกมะนาวไซส์ใหญ่ เพื่อคัดเลือกลูกที่มีคุณภาพที่สามารถส่งออกสู้ตลาดได้ดีและผลตอบแทนคุ้มค่า

รายงานฉบับสมบูรณ์ (PDF File)

Clip VDO 

โปสเตอร์ (PDF File)

โครงงานเครื่องผลิตน้ำจากอากาศอัจฉริยะ
(ม.ปลาย)

ผู้จัดทำ

1. นายวีระพงศ์  วงษ์พระจันทร์
2. นายพงศกร  กันหา
3. นางสาวฐนิชา  สุวรรณปัญญา

อาจารย์ที่ปรึกษา:อาจารย์รุ่งรัตน์  จีรวิทย์ขจร

สถานศึกษา :โรงเรียนปิยชาติพัฒนาในพระราชูปถัมภ์

บทนำ

น้ำเป็นสิ่งสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์เป็นสิ่งที่คนเราขาดไม่ได้เรานั้นจึงหาวิธีที่จะนำน้ำมาใช้ได้ตลอดเวลาและเนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความชื้นมากซึ่งในอากาศนั้นจะมีก๊าซออกซิเจนและไฮโดรเจนอยู่ด้วยซึ่งก๊าซเหล่านี้เป็นส่วนประกอบของน้ำเราจึงคิดหาวิธีที่จะผลิตน้ำจากก๊าซส่วนประกอบต่างๆให้เป็นน้ำเพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป

จุดประสงค์ของโครงงาน

4.1เพื่อผลิตน้ำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ

4.2เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ที่ไม่มีน้ำใช้หรือน้ำเน่าเสียในการใช้อุปโภคบริโภค

รายงานฉบับสมบูรณ์ (PDF File)

Clip VDO 

โปสเตอร์ (PDF File)

โครงงานระบบบำบัดน้ำเน่าเสียอัตโนมัติด้วยกังหันน้ำ

(ม.ปลาย)

ผู้จัดทำ

1.นายภาคภูมิ  พระเจริญ

2.นายนนทพัทธ์  ม่วงสวัสดิ์

3.นายสหรัฐ ยุตะ

อาจารย์ที่ปรึกษา:

1.นายนวพัฒน์ เก็มกาแมน

2. นายวุฒิพงศ์ เอ็นดู

สถานศึกษา :โรงเรียนองครักษ์

บทนำ

ที่มาและความสำคัญของปัญหา

สภาพของระบบนิเวศทุกอย่างล้วนสำคัญอันเช่นแหล่งน้ำ ปัญหาเรื่อง “น้ำเน่าเสีย” ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดจากการทิ้งน้ำที่ใช้แล้วและสิ่งปฏิกูลจากแหล่งชุมชน เช่น น้ำที่ใช้ซักฟอกทำความสะอาดซึ่งส่วนใหญ่มีสารอินทรีย์ปะปนมากับน้ำทิ้งเหล่านั้นจนทำให้เกิดมลพิษทางน้ำ

น้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรมหากโรงงานมีการลักลอบปล่อยน้ำเสียลงในแหล่งน้ำทำให้น้ำเน่าเสียได้ง่ายเพราะมีปริมาณสารปนเปื้อนมีอัตราสูง อาจเกิดการเน่าเสียเมื่อน้ำอยู่ในสภาพนิ่งไม่มีการไหลเวียนถ่ายเทจึงทำให้มีสารตกค้างตามแหล่งน้ำ เมื่อมีปริมาณในแม่น้ำลำคลองก็ทำให้เกิดมลพิษทางน้ำขึ้นได้ผลกระทบที่จะเกิดจากมลพิษทางน้ำกระทบต่อวงจรชีวิตของสัตว์น้ำ เช่นน้ำเสียที่เกิดจากสารพิษอาจทำให้ปลาและสิ่งมีชีวิตตายทันที ส่วนน้ำเสียที่เกิดจากออกซิเจนในน้ำลดต่ำลง อาจทำลายพืชและสัตว์น้ำเล็กๆที่เป็นอาหารของปลา ทำให้ความอุดมสมบูรณ์หรือแหล่งอาหารของสัตว์น้ำลดลง เป็นแหล่งแพร่ระบาดของเชื้อโรค เช่น อหิวาตกโรค โรคบิด และท้องเสีย มีผลกระทบต่อการเกษตรกรรมทำให้เพาะปลูกเพราะน้ำเสียที่มีความเป็นกรดและด่างไม่เหมาะสำหรับทำการเกษตร ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของระบบนิเวศ เช่น มีกลิ่นเหม็นจากน้ำเน่าเสีย

คณะผู้ศึกษาได้เล็งเห็นถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงนำความรู้ทางเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้แก้ปัญหาการน้ำเน่าเสีย โดยการสร้างกังหันน้ำ ซึ่งควบคุมการทำงานโดยการเขียนโปรแกรมลงบนบอร์ด KidBright และติดตั้งเซนเซอร์และอุปกรณ์ เพื่อควบคุมการทำงานของกังหันน้ำ โดยบอร์ด KidBright เป็นบอร์ดควบคุมอัจฉริยะโดยการเขียนคำสั่งที่เราต้องการลงในบอร์ดจากนั้นบอร์ดจะทำตามคำสั่งที่เราเขียนและบอร์ด KidBright เป็นบอร์ดรุ่นใหม่ที่สามารถเขียนโปรแกรมง่ายที่สุด จึงทำให้สามารถนำมาใช้ประยุกต์กับชิ้นงานนี้ได้เพื่อที่จะสามารถทำให้แหล่งน้ำที่เน่าเสียกลับมาสะอาดดังเดิมได้อีกครั้ง

2.วัตถุประสงค์

เพื่อสร้างและพัฒนาระบบบำบัดน้ำเน่าเสียอัตโนมัติด้วยกังหันน้ำประเมินผลการใช้งานของระบบบำบัดน้ำเน่าเสียด้วยกังหันน้ำอัตโนมัติ

3.สมมติฐาน

1.ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าลูก EM BALL

2.สามารถประหยัดเวลาในการเปิดปิดและดูแล

4.ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ

1.ได้เครื่องบำบัดน้ำเน่าเสียอัตโนมัติด้วยกังหันน้ำ

2.เครื่องบำบัดน้ำเน่าเสียอัตโนมัติด้วยกังหันน้ำมีคุณภาพ

5.ขอบเขตของโครงงาน

1.ศึกษาเกี่ยวกับการควบคุมระดับออกซิเจนในน้ำเพื่อป้องกันการเกิดน้ำเน่าเสีย

2.ศึกษาหาความสามารถในการประหยัดพลังงานและพลังงานทดแทนที่สามารถจะใช้กับสิ่งประดิษฐ์นี้ได้

รายงานฉบับสมบูรณ์ (PDF File)

Clip VDO 

โปสเตอร์ (PDF File) :

โครงงานเครื่องชั่งน้ำหนักและวัดส่วนสูงอัตโนมัติ
(ม.ปลาย)

ผู้จัดทำ

1. นางสาวซีตีนูร์อาซีกีน  ตาเยะ
2. นางสาวนูรอัย  อาแวนุ๊
3. นาย เดชาพล  แชกระโทก

อาจารย์ที่ปรึกษา:

1. นางสาวเปรมยุดา จันทร์เหมือน
2. นายถนัดกิจ ลำพรหมสุข

สถานศึกษา : โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์นราธิวาส

บทนำ

             ในการชั่งน้ำหนักหรือวัดส่วนสูงที่โรงเรียนในแต่ละครั้งนั้นมีความยุ่งยาก ลำบาก เนื่องจากโรงเรียนของเราเป็นโรงเรียนประจำมักจะทำให้นักเรียนและคุณครูเสียเวลาหลายขั้นตอน จึงเห็นถึงความสำคัญในจุดนี้ เราจึงมีการคิดค้นและประดิษฐ์เครื่องวัดส่วนสูงและชั่งน้ำหนักแบบอัตโนมัติที่สามารถทำงานพร้อมกันได้ในเวลาเดียวกัน คือ สามารถทราบได้ทั้งน้ำหนักและส่วนสูงได้ และส่งสัญญานแจ้งเตือนผ่านทาง Application Line ซึ่งในการสร้างเครื่องวัดส่วนสูงและชั่งน้ำหนักแบบอัตโนมัตินี้เป็นเครื่องบอกความสมบูรณ์ของร่างกาย ว่ามีสุขภาพความแข็งแรงสมบูรณ์ดี สามารถบ่งบอกถึงสิ่งที่เกี่ยวกับสุขภาพของตัวเราได้หลายๆอย่าง เช่น อ้วน ผอม สูง เตี้ยหรือแม้กระทั่งภาวะที่เสี่ยงต่อโรคภัยต่างๆ มากมาย และเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้งาน

รายงานฉบับสมบูรณ์ (PDF File)

Clip VDO 

โปสเตอร์ (PDF File)

โครงงานพัดลมอัจฉริยะ

(ม.ปลาย)

ผู้จัดทำ

1. นายนาวิน หอมจู
2. นางสาวอณุชฉรี ยอดแสงจันทร์
3. นางสาวพลอยไพลิน บัวเทพ

อาจารย์ที่ปรึกษา:

1. นางสาวเปรมยุดา จันทร์เหมือน
2. นายวิศวะ พรหมดำ

สถานศึกษา : โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์นราธิวาส

บทนำ

       ปัจจุบันพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้ามีมากมายหลายอย่าง เช่น พัดลม มีการใช้งานมากขึ้นทุกวัน เพราะเป็นสิ่งอํานวยความสะดวกในการดําเนินชีวิตประจําวัน ทั้งใช้ในการประกอบอาชีพต่าง ๆ พลังงานไฟฟ้ายังเป็นส่วนหนึ่งในการใช้ชีวิต ที่คอย ให้ความสะดวกสบายแก่มวลมนุษย์ในปัจจุบัน เพราะฉะนั้นควรใช้พลังงานไฟฟ้าที่ได้ถูกผลิตขึ้นมานี้อย่างคุ้มค่า เพราะเป็นพลังงานที่มีใช้อย่างจํากัด ทางโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์นราธิวาส มีนักเรียนอยู่ในหอนอนเป็น จํานวนมาก เนื่องจากเป็นโรงเรียนประจํา พัดลมก็เป็นปัจจัยสําคัญในการใช้งานภายในหอนอน เมื่อมีนักเรียน อยู่รวมกันมาก ๆ การเปิดใช้พัดลมก็มากขึ้นตามไปด้วย จึงทําให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้นและมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ทางคณะผู้จัดทําได้เล็งเห็นถึงปัญหานี้จึงคิดค้นวิธีที่จะช่วยในการประหยัดพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ควบคุม การทํางานของพัดลม
ดังนั้นทางคณะผู้จัดทําจึงได้มีแนวคิดที่จะประดิษฐ์  “พัดลมอัจฉริยะ (Smart fan )” ขึ้น เพื่อช่วยในการประหยัดพลังงานไฟฟ้าและยังเป็นการนําความรู้ที่ได้มาประยุกต์ในชีวิตประจําวันอีกด้วย

 รายงานฉบับสมบูรณ์ (PDF File)

Clip VDO

โปสเตอร์ (PDF File)

โครงงานถังขยะสร้างปุ๋ย

(ม.ปลาย)

ผู้จัดทำ

1. นายเจษฎาภรณ์ ขวัญสุข
2. นายสหกร บุญชู
3. นายอภินันทร์ ตั้งไพบูลย์สุข

อาจารย์ที่ปรึกษา:
1. นายนวพัฒน์ เก็มกาแมน
2. นางสาวตุลารัตน์ แสนตอ

สถานศึกษา : โรงเรียนองครักษ์

บทนำ

ปัจจุบันมนุษย์ได้ประสบพบกับปัญหาจากขยะต่าง ๆ มากมายรวมถึงปัญหาขยะจากเศษอาหารที่มนุษย์ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังคงเป็นปัญหามาตั้งแต่อดีตและมีแนวโน้มที่ปัญหานี้จะเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันและอนาคตอีกทั้งปัญหาขยะจากเศษอาหารยังส่งผลกระทบต่อ ธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อมและยังสงผลรบกวนต่อมนุษย์ เช่น การส่งกลิ่นเน่าเสียที่ทำให้เกิดการรบกวนต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์หรือก่อให้เกิดน้ำเน่าเสียที่ส่งผลต่อระบบนิเวศน์และยังเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บริเวณนั้น ๆ แต่ในปัจจุบันนั้นเริ่มมีการคิดค้นและทดลองเครื่องในการช่วยกำจัดขยะจากเศษอาหารและได้เริ่มมีการจำหน่ายเพื่อช่วยในการลดปัญหาต่าง ๆ ของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหรือปัญหาต่าง ๆในการดำเนินชีวิตของมนุษย์
ในแต่ละวันที่ต้องประสบพบกับกลิ่นที่เน่าเสียหรือแหล่งเชื้อโรคในบริเวณที่มีการทิ้งขยะจากเศษอาหารแต่ปัญหานั้นก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงอาจเป็นเพราะเครื่องที่ช่วยในการกำจัดขยะจากเศษอาหารนั้นยังมีราคาที่สูงและยังไม่เป็นที่แพร่หลายต่อสังคมในปัจจุบันมากนักเนื่องจากบุคคลที่มีกำลังในการซื้อหรือต้องการใช้เครื่องกำจัดขยะจากเศษอาหารในปัจจุบันนั้นยังมีน้อยเมื่อเทียบกับบุคคลที่ไม่มีกำลังทรัพย์ในการซื้อหรือบุคคลที่ต้องการใช้งานเครื่องกำจัดขยะจากเศษอาหารนั้นจริง ๆ

ปัญหาขยะจากเศษอาหารนั้นเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุก ๆ ที่ไม่ว่าจะเป็น บ้าน โรงเรียน โรงอาหาร โรงพยาบาล ศูนย์การค้า ร้านอาหารต่าง ๆ หรือทุกสถานที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่และยังคงค้นหาวิธีการต่าง ๆ หลากหลายวิธีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาพวกนี้ให้ได้ผลและยังสามารถทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยที่ไม่ทำให้ขยะจากเศษอาหารเหล่านั้นเป็นขยะที่ไร้ประโยชน์ไปอย่างเสียเปล่า ปัญหาขยะจากเศษอาหารนั้นยังส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมเกิดเป็นมลพิษทางอากาศทำให้เกิดกลิ่นเน่าเสียทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบเกิดความรำคาญเป็นอย่างมาก ทั้งยังรบกวนบรรยากาศของสถานที่ ที่น่าอภิรมย์ในบ้านหรือสถานที่นั้น ๆ ให้ไม่น่าอยู่  และขยะจากเศษอาหารยังก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างหายของเราอีกด้วย เนื่องมาจากขยะจากเศษอาหารเหล่านี้เป็นแหล่งที่สะสมของเชื้อโรคจุลินทรีย์และแบคทีเรียต่าง ๆ มากมายมาอยู่รวมกัน หากเราได้รับเชื้อโรคเหล่านี้ไป อาจก่อให้เกิดปัญหาทางด้านสุขภาพต่าง ๆ มากมายได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคทางผิวหนัง ทางเดินหายใจ

จากปัญหาที่เราได้พบและประสบมารวมถึงจากการค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ นั้นเราจึงได้มองหาวิธีการที่จะใช้แก้ปัญหาด้านขยะจากเศษอาหารให้หมดไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อขจัดปัญหาเรื่องกลิ่นที่เหม็นเน่าเสียที่รบกวนเราและยังนำขยะจากเศษอาหารเหล่านั้นมาใช้ได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด โรงเรียนของเรานั้นในทุก ๆ วันจะมีขยะจากเศษอาหารที่เหลือจากการทานอาหารของนักเรียนเป็นจำนวนมาก เมื่อทางโรงเรียนนำเศษอาหารไปให้สุนัขที่อยู่บริเวณรอบ ๆ โรงเรียนก็จะทำให้สุนัขจรจัดเหล่านั้นสร้างปัญหาให้แก่ผู้อื่นได้ เช่น การอุจจาระเรี่ยราด ก่อให้เกิดความสกปรกและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ ต้องให้ภารโรงมาทำความสะอาด และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้จากการให้อาหารในบริเวณที่ไม่เหมาะสมรวมทั้งยังส่งผลให้มีจำนวนสุนัขเพิ่มมากขึ้นและอาจส่งผลให้สุนัขทำร้ายนักเรียนหรือผู้คนบริเวณนั้นได้

ปัญหาขยะจากเศษอาหารนั้นไม่เป็นเพียงปัญหาที่พบได้เพียงแค่ในโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังสามารถพบได้ทั่วไปในทุกชุมชน เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปัญหาขยะจากเศษอาหารนั้นเป็นปัญหาที่พวกเราแก้ไม่ตกเสียทีไม่ว่าจะเป็นที่ความสามารถในการจัดการปัญหาของรัฐบาลหรือจะเป็นที่ความไม่ใส่ใจในปัญหาขยะจากเศษอาหารต่าง ๆ ก็ตาม ในปัจจุบันนี้เราก็ยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาขยะเศษอาหารได้อยู่ดี

จุดประสงค์ของโครงงาน

1.ออกแบบและสร้างถังขยะสร้างปุ๋ย
2.ผลิตปุ๋ยใช้กับพืชผักสวนครัว
3.ลดปัญหาจากกลิ่นเศษอาหารเน่าเสีย

รายงานฉบับสมบูรณ์ (PDF File)

Clip VDO 

โปสเตอร์ (PDF File)

โครงงานเครื่องวัด แจ้งเตือนและลดปริมาณฝุ่นละออง

(ม.ปลาย)

ผู้จัดทำ

1. นางสาวกัญญารัตน์ จิตตรานนท์
2. นางสาวภาพิมล แก้วโลก
3. นางสาววนิดา กล่ำศรีทอง

อาจารย์ที่ปรึกษา:1.นายนพดล พุทธพฤกษ์ 2.นางสาวหยาดพิรุณ รักษ์พิกุลทอง

สถานศึกษา :โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 37 จังหวัดกระบี่

บทนำ

โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ เป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่ในชุมชนอำเภอเขาพนม รายล้อมไปด้วยโรงงานสกัดปาล์มน้ำมัน ทุก ๆ เช้าในแต่ละวันนักเรียนจะต้องตื่นนอนตั้งแต่ 05.00 น. เพื่อมาออกกำลังกาย แต่ปัจจุบันจะประสบปัญหาไม่สามารถออกมาทำกิจวัตรประจำวันดังกล่าวได้ เนื่องจากโรงงานปาล์มน้ำมันได้ปล่อยควันจากโรงงานในตอนดึก ทำให้ในทุก ๆ เช้า จะเกิดมลพิษในอากาศ นักเรียน และชาวบ้านในชุมชนได้รับความเดือดร้อนจากฝุ่นควันและกลิ่นเหม็น ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมา เช่น อันตรายคุกคามต่อหัวใจ การเผชิญกับมลพิษในอากาศอาจทำให้เกิดเหตุรุนแรงเฉียบพลันกับกล้ามเนื้อหัวใจได้ รวมทั้งหัวใจวาย หัวใจเต้นผิดจังหวะ อัตราการผันแปรการเต้นของหัวใจลดลง ตลอดจนมีความเสี่ยงที่จะเกิดการตายจากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน นอกจากนั้น ยังมีหลักฐานปรากฏด้วยว่า ภาวะหลอดเลือดแข็ง โดยที่มีการสะสมตะกอนที่เรียกว่าพลาคภายในหลอดเลือดซึ่งสามารถทำให้เกิดภาวะหัวใจวายและหลอดเลือดสมองตีบจนถึงตายได้  อันตรายคุกคามต่อปอดและทางเดินหายใจ  มลพิษในอากาศเป็นทั้งสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับปอดและระบบทางเดินหายใจและที่ทำให้โรคกำเริบขึ้นได้ ซึ่งรวมถึงโรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคมะเร็งปอด  อันตรายคุกคามต่อสมอง เป็นที่เชื่อกันว่า การเผชิญกับมลพิษในอากาศเป็นระยะยาวเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และความหนืดของเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดในสมองได้

ทางคณะผู้จัดทำได้เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้นจากฝุ่นละอองที่เป็นมลพิษทางอากาศ จึงมีแนวคิดที่จะทำสิ่งประดิษฐ์เพื่อแจ้งเตือนมลพิษจากควันและฝุ่นละอองในอากาศ ซึ่งสามารถเตือนนักเรียน และผู้คนในชุมชนให้ทราบว่ามีมลพิษทางอากาศไม่ปลอดภัยต่อร่างกาย ต้องสวมใส่หน้ากากเพื่อป้องกันและมีการเก็บสถิติสภาพอากาศที่เกิดมลพิษในชุมชน ว่ามากน้อยเพียงใดเพื่อที่จะได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบ และตรวจสอบโรงงานปาล์มน้ำมันต่อไป เพื่อที่จะได้จัดการบริหารโรงงานไม่ให้ปล่อยมลพิษทางอากาศต่อไปในอนาคต  ซึ่งสามารถวัด และแจ้งเตือนฝุ่นละอองในบริเวณที่ติดตั้ง โดยวัดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ ถ้ามีดัชนีคุณภาพอากาศที่อยู่ในระดับเสี่ยงเครื่องวัดจะแจ้งเตือนในรูปแบบแสงสีส้ม และสามารถเลือกที่จะพ่นละอองน้ำเพื่อลดฝุ่นละอองผ่านสมาร์ทโฟนได้  แต่ถ้าดัชนีคุณภาพของอากาศที่อยู่ในระดับอันตราย เครื่องวัดจะแจ้งเตือนในรูแบบแสงสีแดง เพื่อให้นักเรียนและบุคลากรในโรงเรียนได้ทราบว่าไม่สามารถออกกำลังกายได้ เนื่องจากมีปริมาณฝุ่นละอองมากเกินไป พร้อมทั้งแจ้งเตือนไปยัง Line Applications ของคุณครูที่รับผิดชอบ และยังสามารถเก็บพลังงานแสงอาทิตย์มาเป็นพลังงานทดแทนเวลาที่ไฟดับได้อีกด้วย

รายงานฉบับสมบูรณ์ (PDF File) 

Clip VDO

โปสเตอร์ (PDF File)

โครงงานโคมไฟฟอกอากาศ
โดยใช้นาโนไททาเนียมไดออกไซด์

(ม.ปลาย)

ผู้จัดทำ

1. นางสาวกิตติญา กูลดี
2. นางสาวพิยดา กิ่งเล็ก
3. นางสาวดวงจันทร์ แสงศรี

อาจารย์ที่ปรึกษา:1.นายนพดล พุทธพฤกษ์ 2.นางสาวรัชญากร จันทร์ช่วย

สถานศึกษา : โรงเรียนราชประชานุเคราะห์37 จังหวัดกระบี่

บทนำ 

เนื่องจากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ เป็นโรงเรียนประจำ ซึ่งทางโรงเรียนของเรานั้นเน้นในเรื่องความสะอาด และสุขภาพของนักเรียนเป็นส่วนใหญ่  ในทุกๆวันนักเรียนจะทำความสะอาดหอนอน  ภายในหอนอน แต่บริเวณบนหอนอนนั้นนักเรียนได้ทำความสะอาด แต่ก็ไม่สะอาดเพียงพอเนื่องจากมีฝุ่นละอองขนาดเล็ก ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ ยิ่งละอองฝุ่นมีขนาดเล็กลงเท่าใด ก็ยิ่งเป็นอันตรายคุกคามต่อสุขภาพเท่านั้น ฝุ่นละอองที่ได้ถูกสูดหายใจเข้าไป และมีขนาดเล็กพอที่จะเข้าไปลึกถึงปอดและทางเดินหายใจได้ บางอนุภาคอาจจะเข้าไปถึงกระแสเลือดและไหลเวียนทั่วร่างกายของเราได้ในที่สุด มลพิษในอากาศเป็นทั้งสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเกี่ยวกับปอดและระบบทางเดินหายใจและที่ทำให้โรคกำเริบขึ้นได้ ซึ่งรวมถึงโรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคมะเร็งปอด อีกทั้งการเผชิญกับมลพิษในอากาศเป็นระยะยาวเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้หลอดเลือดแดงในสมองแข็งตัว ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และความหนืดของเลือดเพิ่มขึ้น ซึ่งล้วนแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดลิ่มเลือดในสมองได้ ยิ่งเป็นฝุ่น pm2.5 ซึ่งเป้นฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็ก 2.5 ไมโครเมตร ซึ่ง 2.5 ไมโครเมตรนั้นเป็นขนาดฝุ่นละอองที่เล็กมากๆ มนุษย์เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ฝุ่น PM2.5 นั้นจะล่องลอยอยู่ในอากาศ รวมตัวกับก๊าซหรือไอน้ำ ทำให้เกิดเป็นหมอกควันจำนวนมากในอากาศ และด้วยขนาดที่เล็กมากๆของฝุ่นละอองประเภทนี้ ทำให้ฝุ่นเดินทางผ่านเส้นขนในจมูกของเราของไปได้ นำพาสารประเภท แคดเมียม โลหะหนัก ปรอท แทรกซึมเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ กระแสเลือด และอื่นๆของตัวเราได้ อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพต่อนักเรียนในหอนอนได้

ดังนั้นคณะผู้จัดทำจึงได้เล็งเห็นถึงปัญหาเหล่านี้ และได้จัดทำ โคมไฟฟอกอากาศโดยใช้นาโนไททาเนียมไดออกไซด์ ขึ้นเพื่อช่วยในการแก้ปัญหาการกำจัดฝุ่นละอองภายในหอนอนของนักเรียนในโรงเรียน ในการกำจัดฝุ่นละอองนั้นทางคณะผู้จัดทำจึงนำตัว kidbright มาประยุกต์ใช้ในการทำโครงงานจึงทำให้เกิดแนวคิดใหม่ที่จะนำมาแก้ปัญหาโดยนำเทคโนโลยีในยุค Thailand 4.0 โดยระบบสมองกลคอมพิวเตอร์ในการคิดคำนวณและควบคุมการทำงานของเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ จึงได้จัดทำโครงงานโคมไฟฟอกอากาศโดยใช้นาโนไททาเนียมได ที่สามารถกำจัดเศษฝุ่นละอองหรือฝุ่นต่างๆที่อยู่ภายในหอนอน และยังสามารถใช้ในการทำการบ้าน หือขณะที่ไม่มีไฟฟ้า เนื่องจากตัวโคมไฟฟอกอากาศนั้น จะทำงานได้โดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์แทนพลังงานไฟฟ้า ทำให้ในตอนที่ไฟดับสามารถอำนวยความสะดวกโดยการให้แสงไฟได้อีกด้วย

รายงานฉบับสมบูรณ์ (PDF File) 

Clip VDO

โปสเตอร์ (PDF File) 

โครงงานแปลงผักสาธิต
ด้วยนาโนเทคโนโลยีผ่านระบบ IOT

(ม.ปลาย)

ผู้จัดทำ

1. นางสาวกันติศา อักษร
2. นางสาวศุภวรรณ โสเชื้อ
3. นางสาวพิมพ์ลภัส ศรีน้อย

อาจารย์ที่ปรึกษา:1.นายนพดล พุทธพฤกษ์ 2.นางวรารัตน์ แก้วสวาท

สถานศึกษา :โรงเรียนราชประชานุเคราะห์37 จังหวัดกระบี่

บทนำ

เนื่องจากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์๓๗จังหวัดกระบี่เป็นโรงเรียนในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเน้นเรื่องหลักเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งโรงเรียนของเรานั้นทำเกษตรมากมายเช่นการปลูกผัก การเลี้ยงสัตว์และทางโรงเรียนได้นำหลักเศษฐกิจพอเพียงมาใช้ในโรงเรียนเพราะให้นักเรียนได้หารายได้ระหว่างเรียนโดยการปลูกผักเพื่อส่งโรงครัวแล้วนำมาประกอบอาหารแต่ทางโรงเรียนได้ประสบปัญหาเกี่ยวกับดินเพราะในโรงเรียนมีแต่ดินที่ไม่ค่อยเหมาะสมหรือดินที่ไม่ควรแก่การเพาะปลูกและทางเราได้นำดินที่แปรรูปจากผักตบชวาซึ่งเป็นดินผสมพร้อมปลูกเหมาะกับการปลูกพืชทุกชนิดซึ่งผักตบชวานั้นมีประโยชน์ที่สามารถนำมาใช้ได้หลากหลายซึ่งเหมาะกับการเกษตร ผักตบชวาสามารถนำมาใช้ทำปุ๋ยหมัก สำหรับการปลูกพืชผักต่าง ๆ เนื่องจากผักตบชวามีโพแทสเซียมอยู่มากเป็นพิเศษ ส่วนฟอสฟอรัสและไนโตรเจนก็มีอยู่พอสมควร หรือนำมาใช้คลุมต้นไม้ที่ปลูกเอาไว้ให้เกิดความชุ่มชื้น เนื่องจากผักชนิดนี้มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำได้ดีผักตบชวาที่มีจำนวนมาก ยังช่วยกรองสารอินทรีย์ที่ละเอียดและจุลินทรีย์ที่อาศัยเกาะอยู่ที่ราก จึงช่วยดูดสารเหล่านี้ไว้ด้วยอีกทางหนึ่ง แต่ถ้าน้ำเสียนั้นมีสารพิษในปริมาณมากหรือน้ำเสียมาก การใช้ผักตบชวาเพื่อบำบัดน้ำเสียจะให้ผลช้าและอาจทำให้น้ำเน่าได้ จึงควรใช้ผักตบชวาร่วมกับการบำบัดน้ำเสียระบบอื่นไปด้วย จึงจะได้ผลดีต้องนาโนเซลลูโลสของน้ำสัปปะรดคือสารที่อยู่ในพืช และผักทุกชนิดที่ถูกการสังเคราะห์แสง มีความเป็นเส้นใย และมีคุณสมบัติในการกักเก็บจึงได้เอาความเป็นเซลลูโลสนี้มาทำให้มันอยู่ในระดับนาโน ซึ่งเป็นระดับที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าและทางโรงเรียนได้เน้นให้ให้นักเรียนได้รับประทานอาหารผัก ผลไม้ที่ปลอดสารพิษเพราะการปลูกผักโดยปัจจุบันโดยส่วนใหญ่ใช้สารเคมีหรือยาฆ่าศัตรูพืชและก่อให้เกิดปัญหาสารตกค้างในดินพวกเราจึงได้นำเซลลูโลส (cellulose) เป็นคาร์โบไฮเดรท (carbohydrate) ประเภทพอลิแซ็กคาไรด์ (polysaccharide) ประเภท ฮอโมพอลิแซ็กคาไรด์ (homopolysaccharide) ที่มีน้ำหนักโมเลกุลสูง ประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส (glucose)เซลลูโลสเป็นโครงสร้างหลักของผนังเซลล์พืช เช่น ผลไม้ ผัก และ เมล็ดธัญพืช โดยอยู่รวมกับเฮมิเซลลูโลส และเพกทินเซลลูโลสจัดเป็นเส้นใยอาหาร (dietary fiber) ชนิดที่ไม่ละลายในน้ำ และไม่สามารถย่อยได้ด้วยเอนไซม์ในระบบทางเดินอาหารของมนุษย์ และสัตว์กระเพาะเดี่ยว

ดังนั้นคณะผู้จัดทำจึงได้เล็งเห็นถึงปัญหาเหล่านี้ และได้จัดทำ แปลงผักสาธิตด้วยนาโนเทคโนโลยีผ่านระบบ IOT ขึ้นเพื่อช่วยในการแก้ปัญหาโดยนำผักตบชวานั้นมาบูรณาการใช้แทนดิน ซึ่งผักตบชวานั้นเป็นวัชพืชที่มีการเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และมีสารที่เป็นประโยชน์ได้แก่ โปรตีนไลซีน และแคโรทีนสูง อีกทั้งยังมีแคลเซียม และฟอสฟอรัส โดยนำไปหั่นและปั่นให้ละเอียด แล้วนำมาคลุกเคล้ากับดิน เพื่อให้ดินมีแร่ธาตุมากขึ่น เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืชผัก ให้พืชผักที่ได้มีคุณภาพเหมาะแก่การนำไปปรุงเป็นอาหารให้นักเรียนในโรงเรียนรับประทาน ทางคณะผู้จัดทำจึงนำตัว kid-bright มาประยุกต์ใช้ในการทำโครงงานจึงทำให้เกิดแนวคิดใหม่ที่จะนำมาแก้ปัญหาโดยนำเทคโนโลยีในยุคThailand 4.0 โดยระบบสมองกลคอมพิวเตอร์ในการคิดคำนวณและควบคุมการทำงานของเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ จึงได้จัดทำโครงงาน แปลงผักสาธิตด้วยนาโนเทคโนโลยีผ่านระบบ IOT เพื่อมาแก้ไขปัญหาในการปลูกพืชผักและยังสามารถนำมาปรับใช้ในโรงเรียนและชุมชนได้

รายงานฉบับสมบูรณ์ (PDF File) 

Clip VDO

โปสเตอร์ (PDF File)

โครงงานหุ่นยนต์เก็บขยะในน้ำ IOT พลังงานแสงอาทิตย์

(ม.ปลาย)

ผู้จัดทำ

1. นายนรินทร์ ชื่นเรณู
2. นางสาวมนัญชยา ชูขำ
3. นางสาวพิณทิพ ระย้า

อาจารย์ที่ปรึกษา:1.นายนพดล พุทธพฤกษ์ 2.นางสาวจิตตนา พลมา

สถานศึกษา :โรงเรียนราชประชานุเคราะห์37 จังหวัดกระบี่

บทนำ

ในปัจจุบันโลกของเรานั้นมีประชากรเพิ่มมาก ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของปริมาณขยะในแต่ละปีอันเนื่องมาจากการขยายตัวของเศรษฐกิจ และ จำนวนประชากร แค่เฉพาะในปี 2556 ขยะทั่วประเทศไทยมีปริมาณเพิ่มขึ้น 27 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี 2555 ประมาณ 2 ล้านตัน อีกทั้งความสามารถในการกำจัดขยะของประเทศไทยยังมีไม่เพียงพอ โดยในปัจจุบันมีสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยทั่วประเทศอยู่ทั้งสิ้น 2,490 แห่ง ในจำนวนนี้กว่าร้อยละ 80 เป็นสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยแบบไม่ถูกต้อง เช่น การเทกองกลางแจ้ง และ การเผาในที่โล่ง เป็นต้น ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ตามมา เช่น ปัญหามลพิษทางน้ำ หรือ ปัญหามลพิษทางอากาศที่เกิดจากเพลิงไหม้บ่อขยะที่สมุทรปราการเมื่อไม่นานมานี้ ขึ้น ดังนั้นปัญหาที่ตามมาก็คือเรื่องของขยะที่มีอยู่มากมาย เนื่องจากคนบางกลุ่มมักทิ้งขยะไม่เป็นที่เป็นทาง จึงทำให้เกิดมลพิษขึ้น ไม่ว่าจะเป็นมลพิษทางน้ำหรือทางอากาศก็ตาม และขยะบางชนิดยังย่อยสลายได้ยาก อาจใช้เวลานานหลายสิบปีดังนั้น เรื่องขยะเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามจึงต้องให้ความสำคัญในเรื่องนี้ต้องรณรงค์ให้ประชาชน ช่วยกันรักษา ความสะอาดไม่ทิ้งขยะมูลฝอยหรือ สิ่งปฏิกูลลงสู่แหล่งน้ำเพราะจะก่อให้เกิดน้ำเน่าเสีย และการแพร่กระจายของเชื้อโรคควรแยกขยะเป็น ถุงขยะเปียกและถุงขยะแห้งโดยใช้ถุงขยะดำ ธรรมดามัดปากถุงให้แน่นถุงดำเหล่านี ให้ผูกไว้ในที่ สูงไม่ให้ลอยไปเพราะว่าขยะจะก่อให้เกิดผลเสียต่างๆมากมาย เช่น น้ำเน่าเสีย เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในน้ำและยังส่งกลิ่นเหม็นให้แก่ผู้คนที่อาศัยอยู่โดยรอบบริเวณนั้นหรือไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำได้ ปัจจุบันและในอนาคตการเก็บขยะในแหล่งน้ำต้องให้คนพายเรือลงไปเก็บซึ่งก็ต้องใช้แรงงานคนทำให้สิ้นเปลืองแรงงานและอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุระหว่างการเก็บขยะ เช่น คนที่เก็บขยะอยู่นั้นเกิดพลัดตกจากเรือได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการสูญเสียตามมา

ปัญหาขยะในเมืองไทย เป็นปัญหาโลกแตก เป็นเวลาหลายสิบปีที่เจ้าหน้าที่ทางราชการ หน่วยงานวิจัย สถาบันทางการศึกษา พยายามหาหนทางในการแก้ไขปัญหาเรื่องขยะล้นเมือง ไม่มีที่ใดยอมให้ก่อสร้างโรงกำจัดขยะใกล้ที่อยู่อาศัยของตนเอง ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทั้งๆที่เสียงบประมาณตั้งมากมายพาเจ้าหน้าที่ไปดูงานที่ต่างประเทศ ใช้งบประมาณในการรณรงค์ให้ความรู้ในการแก้ไขปัญหาเรื่องขยะ มีเทคโนโลยีมากมายที่สามารถจะนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาเรื่องขยะ แต่ปัจจุบันยังไม่มีที่ไหนในประเทศไทย สามารถจัดการขยะได้อย่างครบวงจรเป็นที่พึงพอใจของคนทุกฝ่าย  ทั้งนี้สาเหตุมาจาก  ประชาชนยังยึดติดกับการแก้ไขปัญหาขยะแบบเดิมๆ สถานที่มีกลิ่นเหม็น สกปรกไม่น่าชวนมอง จนทำให้ไม่มีใครยอมที่จะให้มีการสร้างโรงกำจัดขยะในบริเวณใกล้เคียงกับที่ตนเองอยู่อาศัย เนื่องจากทางภาครัฐยังไม่มีสถานที่และวีธีการที่ถูกต้องในการแก้ไขปัญหาขยะ มีการกำจัดขยะที่สามารถรองรับการแยกขยะได้ จึงทำให้โครงการรณรงค์ให้ประชนคัดแยกขยะ ไม่ประสบความสำเร็จ เป็นเพียงแค่ไฟไหม้ฟางในช่วงต้นๆ แต่เมื่อประชาชนคัดแยกขยะแล้วกลับไม่มีการเก็บขยะแบบแยก เพื่อนำไปกำจัดอย่างถูกวิธี ขยะเศษอาหารถูกเก็บนำไปปนกับขยะทั่วไปเช่นเดิม

รายงานฉบับสมบูรณ์ (PDF File) 

Clip VDO 

โปสเตอร์ (PDF File)