โครงงานสมองกลฝังตัว

  • หน้าหลัก
  • อิคคิวซัง
    • ปีการศึกษา 2562
    • ปีการศึกษา 2561
    • ปีการศึกษา 2560
    • ปีการศึกษา 2559
    • ปีการศึกษา 2558
    • ปีการศึกษา 2557
    • ปีการศึกษา 2556
  • ทสรช.
    • ปีการศึกษา 2562
    • ปีการศึกษา 2561
    • ปีการศึกษา 2560
    • ปีการศึกษา 2559
  • สถานพินิจ
    • ปีการศึกษา 2562
  • โรงเรียนคนพิการ
    • ปีการศึกษา 2562
  • มหาวิทยาลัย
    • ปีการศึกษา 2560
    • ปีการศึกษา 2559
  • STEM ปี 2560
  • Show&Share2022
    • โครงงานสิ่งประดิษฐ์เพื่อศึกษาและดูแลสิ่งแวดล้อม
    • โครงงานสิ่งประดิษฐ์เพื่อการเกษตรอัจฉริยะ
    • โครงงานสิ่งประดิษฐ์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและชุมชน
    • โครงงานลิฟต์
    • รายชื่อผู้เข้าแข่งขันอื่นๆ

Category Archives: ทสรช ปีการศึกษา 2560

BN07 โครงงานระบบปลูกพืชในโรงเรือน ราชประชานุเคราะห์ 25 แพร่ ม.ปลาย

Posted on March 23, 2018 by puser41 Posted in ทสรช ปีการศึกษา 2560 .

โครงงานระบบปลูกพืชในโรงเรือน

 

ที่มาและความสำคัญ

โดยปกติการปลูกพืชในที่โล่งอาจต้องเจอปัญหาการระบาดของแมลง หรือเชื้อราที่เกิดจากความชื้นของฝน ทั้งยังเจอกับปัญหาสภาพอากาศในแต่ละฤดูกาลที่ไม่สามารถควบคุมได้ การปลูกพืชในโรงเรือนนั้นเราสามารถป้องกันแมลงไม่ให้เข้าไปทำลายพืชที่ปลูก และไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง  จึงมีความปลอดภัยจากสารพิษตกค้างในผลผลิต และป้องกันปัญหาที่มากับน้ำฝน เช่น โรคราน้ำค้าง รากเน่า ไปพร้อม ๆ กับการควบคุมความเข้มแสง และอุณหภูมิให้เหมาะสมกับพืชการเจริญเติบโตของพืชแต่ละชนิด โครงงานระบบปลูกพืชในโรงเรือนนี้มีวัตถุประสงค์ในการจัดทำเพื่อสร้างโรงเรือนในการปลูกพืชที่มีการป้องกันแมลงศัตรูพืช ที่สามารถควบคุมความเข้มแสงแดดและอุณหภูมิ พร้อมระบบการให้น้ำอัตโนมัติ  สำหรับเป็นต้นแบบให้แก่เกษตรกรนำไปศึกษาปรับใช้กับการเพาะปลูกในพื้นรอบ ๆ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๕

หลักการทำงาน

หลักการทำงานระบบปลูกพืชในโรงเรือนประกอบไปด้วย ๓ ส่วนดังนี้

  • ๑. ระบบการควบคุมแสงแดดภายในโรงเรือน เมื่อแสงมีค่าความเข้มมากกว่าค่าที่กำหนดไว้ ระบบผ้าม่านพลางแสงจะทำงานโดยการปิด และตรงข้ามกันเมื่อมีความเข้มแสงมีความเข้มแสงน้อยระบบผ้าม่านพลางแสงจะทำงาน
  • ๒. ระบบการควบคุมความเย็นภายในโรงเรือน เมื่อภายในโรงเรือนมีค่าอุณหภูมสู่งกว่าค่าที่กำหนดไว้ ระบบพัดลมทำความเย็น และระบายอากาศจะแบบอัตโนมัติเพื่อปรับอุณหภูมิ และหยุดทำงานเมื่อภายในโรงเรือนอุณหภูมิต่ำกว่าค่าที่กำหนด
  • ๓. ระบบการให้น้ำพืชภายในโรงเรือน เมื่อดินในแปลงปลูกพืชภายในโรงเรือน มีค่าความชื้นน้อยกว่าค่าที่กำหนดไว้ ระบบปั้มสูบน้ำสำหรับรดนำพืชเปิดแบบอัตโนมัติ และตรงข้ามกันเมื่อดินในแปลงปลูกพืชภายในโรงเรือน มีความชื้นมากกว่าค่าที่กำหนดไว้ ระบบปั้มสูบน้ำสำหรับรดน้ำพืชปิดแบบอัตโนมัติ

ผลของการทดสอบ

จากการทดสอบผลปรากฎว่า ระบบการความคุมความเข้มแสง การควบคุมอุณหภูมิ และระบบการควบคุมความชื้นในดิน สามารถทำงานเป็นไปตามค่าที่เรากำหนดไว้อย่างอัตโนมัติ การทดสอบในครั้งนี้เป็นเพียงการจำลองระบบโรงเรือนปลูกพืช ที่ติดตั้งระบบ

คณะผู้จัดทำโครงงาน

๑.นายวีระชัย ฟุ้งรุ่งโรจน์
๒.นายพิษศฤงคีวัฒน์ ฟองมี
๓.นายนพรัตน์ ชุ่มเชิง

อาจารย์ที่ปรึกษา
นายบัญชา บุญมี

สถานที่ศึกษา
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๕ จังหวัดแพร่

BN06 โครงงานเครื่องผสมปุ๋ย AB สำหรับปลูกพืชไฮโดรโปนิกส์ ราชประชานุเคราะห์ 25 แพร่ ม.ปลาย

Posted on March 23, 2018 by puser40 Posted in ทสรช ปีการศึกษา 2560 .

โครงงานเครื่องผสมปุ๋ย AB สำหรับปลูกพืชไฮโดรโปรนิกส์

 

ที่มาและความสำคัญ

การปลูกพืชที่ใช้ดินนั้นมักจะมีการสะสมโรค และแมลงได้ง่าย เมื่อปลูกไปสักระยะดินก็เริ่มอัดตัวแน่น จนต้องมีการเปลี่ยนถ่ายดินอยู่เสมอ เกิดความยุ่งยาก จึงได้เริ่มมองหาทางเลือกอื่น ๆ ในการปลูกพืช และได้ให้ความสนใจวิธีการปลูกพืชแบบไฮโดรโปรนิกส์ทั้งนี้ ในประเทศไทยนั้นการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินเริ่มเป็นที่รู้จักกันเมื่อประมาณ ๑๐ ปี ที่ผ่านมา และในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าธุรกิจการปลูกพืชแบบไฮโดรโปรนิกส์หรือการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดินในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว สามารถพบเห็นผลิตภัณฑ์จากไฮโดรโปนิกส์วางจำหน่ายอยู่ในห้างสรรพสินค้าทั่วไปในโซนขายผักปลอดสารพิษ และมีราคาที่สูงกว่าผักแบบทั่วไป

การปลูกพืชที่ไม่ใช้ดินนั้น เป็นกระบวนการที่เรียกว่า การปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics)  ประกอบไปด้วยปุ๋ยเคมีแบบละลายน้ำ Stock A และ Stock B สามารถวัดปริมาณของค่าสารละลายด้วยเครื่องมือ ที่เรียกว่า EC Meter ทำให้สามารถควบคุมความเข้มข้นของสารละลายให้ตรงตามความต้องการของพืชแต่ละชนิดได้ คณะผู้จัดทำโครงงานจึงมีแนวคิดที่จะผลิตเครื่องผสมปุ๋ยเคมีแบบน้ำอัตโนมัตินี้ขึ้นมา เพื่อความสะดวกในการผสมโดยระบบจะสามารถกำหนดค่า EC ให้เหมาะสมกับช่วงอายุการการเจริญเติมโตของพืชได้ และเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน (ไฮโดรโปนิกส์ Hydroponics)

หลักการทำงาน

  • ๑. เครื่องผสมปุ๋ย AB จะทำงานแบบอัตโนมัติโดยการควบคุมการเติมสารละลาย A , สารละลาย B และน้ำ เพื่อนำมาผสมกันในถังผสมปุ๋ย ตามค่า EC (ความนำไฟฟ้า) ที่กำหนดไว้ และหยุดทำงานเมื่อได้ค่า EC (ความนำไฟฟ้า) ทีถูกต้อง
  • ๒. สามารถเติมปุ๋ยหรือผสมปุ๋ยได้พร้อมกัน ๒ ชนิด และใช้ควบคุมค่าทางเคมีในงานอุตสาหกรรมแบบอัตโนมัติ
  • ๓. สามารถวัดและควบคุมค่า EC (ความนำไฟฟ้า) ได้ถึง 20mS (20,000 µS)

ผลของการทดสอบ

จากการทดสอบผลปรากฎว่า เครื่องผสมปุ๋ยสามารควบคุมการเติมสารละลาย A , สารละลาย B และน้ำ เพื่อนำมาผสมกันในถังผสมปุ๋ย ตามค่า EC (ความนำไฟฟ้า) เป็นไปอย่างอัตโนมัติตามค่ากำหนดค่อนข้างมีความแม่นยำ เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการปลูกพืช

คณะผู้จัดทำโครงงาน
๑.นายพงษ์เพชร ศรเศษ
๒.นายสมลักษณ์ แซ่ฟ่า
๓.นายประพันธ์ วารีนิยม

อาจารย์ที่ปรึกษา
นายบัญชา บุญมี

สถานที่ศึกษา
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๕ จังหวัดแพร่

 

 

BN05 โครงงานห้องเรียนระบบ IOT ราชประชานุเคราะห์ 23 พิษณุ โลกม.ปลาย

Posted on March 23, 2018 by puser39 Posted in ทสรช ปีการศึกษา 2560 .

โครงงานห้องเรียนระบบ IOT

ที่มาและความสำคัญ

เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง อาทิเช่น การใช้ไฟฟ้าและการใช้น้ำอย่างเปล่าประโยชน์ ซึ่งถ้าหากทุกคนไม่ช่วยกันประหยัดพลังงานอาจทำให้พลังงานเหล่านั้นหมดไปและยังส่งผลให้สิ้นเปลืองงบประมาณ โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๓ เป็นส่วนหนึ่งที่มีการใช้ไฟฟ้าอย่างสิ้นเปลืองเนื่องจากเป็นโรงเรียนประจำ    คณะผู้จัดทำจึงคิดที่จะทำโครงงานนี้ขึ้นมาเพื่อช่วยลดการสูญเสียพลังงาน และค่าใช้จ่าย พร้อมทั้ง งบประมาณที่เหลือมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับโรงเรยีนและเด็กนักเรียนในด้านอื่น ๆ ต่อไป

หลักการทำงาน

ระบบการทำงานของ “โครงงานห้องเรียนระบบ  IOT” นี้ จะแบ่งการทำงานออกเป็น ๓ เงื่อนไข คือ

  • เงื่อนไขของเวลา โดยกำหนดให้ทำงานเฉพาะช่วงเวลาจำนวน ๒ ช่วง คือ ๐๗.๐๐ – ๑๒.๐๐ น. และ ๑๓.๐๐ – ๑๗.๐๐ น. หากนอกเหนือจากเวลาดังกล่าวไฟฟ้าภายในห้องเรียนจะถูกตัด
  • เงื่อนไขของความเข้มแสง โดยกำหนดว่าหาก Sensor วัดความเข้มแสงวัดค่าได้ต่ำกว่าที่กำหนดให้หลอดไฟติด
  • เงื่อนไขของอุณหภูมิ โดยกำหนดว่า หาก Sensor อุณหภูมิวัดค่าได้สูงกว่าที่กำหนดให้เปิดพัดลมเพื่อระบายอากาศโดยที่กล้อง Webcam จะส่งข้อมูลรูปถ่ายแจ้งให้ผู้ดูแลทราบจำนวน ๔ ครั้ง/วัน คือ

  • ครั้งที่ ๑ เวลา ๐๗.๐๐ น. เมื่อมีผู้ใช้งานห้องในตอนเช้า สำหรับตรวจเช็คว่าระบบเปิดไฟ และพัดลมทำงาน
  • ครั้งที่ ๒ เวลา ๑๒.๐๐ น. หลังผู้ใช้งานออกจากห้องในตอนพักกลางวัน สำหรับตรวจเช็คว่าระบบปิดไฟ และพัดลมทำงาน
  • ครั้งที่ ๓ เวลา ๑๓.๐๐ น. เมื่อมีผู้ใช้งานห้องในตอนบ่าย สำหรับตรวจเช็คว่าระบบเปิดไฟ และพัดลมทำงาน
  • ครั้งที่ ๔ เวลา ๑๗.๐๐ น. หลังผู้ใช้งานออกจากห้องในตอนเย็น สำหรับตรวจเช็คว่าระบบปิดไฟ และพัดลมทำงาน

ผลของการทดสอบ

ระบบเปิด – ปิด ไฟและพัดลม สามารถทำงานได้ตรงตามเงื่อนไขที่วางไว้  แต่ระบบการส่งภาพถ่ายให้แก่ผู้ดูแลนั้นขึ้นอยู่กับความเสถียรของสัญญาณ Internet ภายในโรงเรียน หากเกิดสัญาณขาดหายภาพก็จะไม่ถูกส่งให้แก่ผู้ดูแล

คณะผู้จัดทำโครงงาน
๑.นายอัทธนีย์ อรุณศิงขรนิ
๒.นายบุญส่ง ทรงประทีปกุล
๓.นางสาววนิชยา อินทร์เพ็ง

อาจารย์ที่ปรึกษา
นางสาวสุธาสินี อินสุ

สถานที่ศึกษา
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๓ จังหวัดพิษณุโลก

BN03 โครงงานเห็ดนางฟ้าอัตโนมัติ ราชประชานุเคราะห์ 22 แม่ฮ่อง สอน ม.ปลาย

Posted on March 23, 2018 by puser38 Posted in ทสรช ปีการศึกษา 2560 .

โครงงานเห็ดนางฟ้าอัตโนมัติ

 

 

ที่มาและความสำคัญ

 

เนื่องด้วยโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๒๒ ได้น้อมนำเอาหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการปฏิบัติเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และมีทักษะในการดำรงชีวิตอย่างพอเพียง ทางโรงเรียนได้จัดทำศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงขึ้น ศูนย์การเรียนรู้การเพาะเห็ดนางฟ้าก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทางโรงเรียนได้จัดทำขึ้นเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริง แต่เนื่องด้วยการเพาะเห็ดนางฟ้าเป็นเห็ดที่มีข้อจำกัดและดูแลยากระดับอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของดอกเห็ดนางฟ้า จะอยู่ระหว่าง 20-30 องศาเซลเซียส ซึ่งเห็ดนางฟ้าจะมีดอกขนาดใหญ่และให้ผลผลิตมาก หากอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส หรือสูงกว่า 35 องศาเซลเซียสเห็ดนางฟ้าจะเจริญเติบโตช้า และบางครั้งนักเรียนไม่มีเวลารดน้ำเห็ดจึงให้ความชื้นและอุณหภูมิในโรงเห็ดเปลี่ยนแปลงไปซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตของเห็ดทำให้ไม่ได้ผลผลิตตามต้องการเสี่ยงต่อการขาดทุนด้วยเหตุนี้ผู้จัดทำจึงได้คิดพัฒนาระบบควบคุมอุณหภูมิและระบบรดน้ำเห็ดอัตโนมัติขึ้นและมีกล้องติดไว้ที่โรงเพาะเห็ดเพื่อไว้ดูการเจริญเติบโตของเห็ดในโรงเรือน

วัตถุประสงค์ 

  1. เพื่อจัดทำระบบควบคุมดูแลระบบการเปิด-ปิด น้ำในโรงเห็ดโดยไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไปเปิด – ปิด และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
  2. เพื่อพัฒนาทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และการเขียนโปรแกรมสำหรับประยุกต์ใช้ในชีวิตประวันได้

วัสดุอุปกรณ์

1.รีเรย์

images

 

 

 

 

 

2.โซรีนอยวาว

ดาวน์โหลด

 

3.sensor วัดความชื้น

ดาวน์โหลด (1)

 

 

 

 

4.ท่อpvc

 

ดาวน์โหลด (3)

 

 

 

 

 

5.mcunode

 

 

 

6.คัดเอ้าตัดไฟ

1191589234

 

 

 

 

 

 

7.อะแดปเตอร์

 

fp_d41-09-500

 

 

8. ตู้ใส่อุปรณ์

 

IMG_8940

9.สายไฟ

สายไฟ EXPOรุ่น VAF 2X2_1384671127.5

10.ประตูน้ำ

 

 

 

11.ชุดพ่นหมอก

 

 

 

 

 

12 .กล้อง

 

 

 

13.โมดูล วัดความชื้น

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

14.สายไปจ จัมเปอร์

รูปภาพที่เกี่ยวข้อง

 

ผังโครงสร้าง

 

 

 

หลักการทำงาน

โดยปกติเห็ดนางฟ้าจะเจริญเติบโตดีในอุณหภูมิ 20-30องศา และความชื้นประมาณ 70% หลักการทำงานก็คือ เมื่อความชื้นน้อยก่วา 80% เซ็นเซอร์วัดความชื้ีนในดินก็จะทำงานโดยการส่งข้อมูลไปยัง เอ็มซียูโหนดจะควบคุมให้โซรีนอยวาวปล่อยกระแสไฟฟ้าทำให้ซีรีนวาวเปิดนำ้ก็สามารถไหลผ่านได้ แต่เมื่อความชื้นในดินมากก่วา 70เปอร์เซ็นซีรีนนอยวาวก็จะไม่ทำงานนำ้ก็จะไม่สามารถไหลผ่านได้ และยังมีกล้องเพื่อดูการเจริยเติบโตของเห็ดนางไฟ โดยสามารถดูผ่านโทรศัพท์มือถือได้

CODE คำสั่งการทำงาน

 

ANE16 โครงงานระบบน้ำ IoT ราชประชานุเคราะห์ ๕๑ จังหวัดบุรีรัมย์ ม.ปลาย

Posted on March 23, 2018 by puser36 Posted in ทสรช ปีการศึกษา 2560 .

โครงงาน  ระบบน้ำ IoT

ที่มาและความสำคัญ

ด้วยมูลนิธิเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ร่วมกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ได้ดำเนินโครงการ “พัฒนาทักษะด้านอิเล็กทรอนิกส์และการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์” เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนจากโรงเรียนในโครงการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึกษาในชนบท (ทสรช.) ได้มีโอกาสเรียนรู้สร้างสิ่งประดิษฐ์สมองกลฝังตัว ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างทักษะที่สำคัญในสตวรรษที่ 21 ให้แก่นักเรียนได้แก่ การใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กสำหรับ การเรียน Robotic learning การเรียนการสอนโดยใช้หุ่นยนต์ เทคโนโลยีระบบสมองกลฝังตัว (Embedded system) เป็นเทคโนโลยีที่  แฝงไว้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้สามารถเชื่อมต่อกัน สื่อสารแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ ผ่านเครือข่ายไร้สาย ตามแนวแนวคิด  IoT (Internet of Things)   การคิดอย่างเป็นระบบ คิดเป็นแก้ปัญหาเป็น ทำงานกับผู้อื่นได้ ตลอดจนส่งเสริมนักเรียนเข้าร่วมนำเสนอผลงานในเวทีต่าง ๆ  โดยมีสถาบันกวดวิชา วีบาย เดอะเบรน สนับสนุนให้ทุนสำหรับการจัดทำโครงงาน

        โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๕๑ จังหวัดบุรีรัมย์เป็นโรงเรียนประเภทอยู่ประจำ  รับนักเรียน      ด้อยโอกาส 10 ประเภท  ในการจัดการเรียนการสอนเน้นให้นักเรียน มีความรู้ ความสามารถ และทักษะในด้านการใช้เทคโนโลยี มี ความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนานวัตกรรม ตามนโยบาย ไทยแลนด์ 4.0 ในหลักสูตรการเรียนการสอน คณะผู้จัดทำได้เรียนในรายวิชาโครงงาน  โดยนำศึกษา รวบรวมปัญหาในโรงเรียนมาวิเคราะห์  หาแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหา  โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๕๑ จังหวัดบุรีรัมย์  มีนักเรียนในปีการศึกษา 2560 จำนวน 813 คน มีหอพักที่นักเรียนอยู่ประจำจำนวน  17  หอพัก  แยกเป็นหอพักนักเรียนหญิง จำนวน  9 หอ  และหอพักนักเรียนชาย จำนวน 8  หอ  ซึ่งปัญหาที่เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของนักเรียนที่อยู่ประจำคือ  เรื่องการใช้น้ำ ในช่วงเวลาเร่งด่วน เช่น ตอนเช้าและเย็น น้ำจะไหลไม่ทัน การเปิดน้ำทิ้งโดยไม่เห็นความสำคัญ ส่งผลสิ้นเปลืองงบประมาณค่าน้ำเป็นจำนวนมาก  ผู้จัดทำโครงงานจึงมีแนวคิดในการจัดทำโครงงาน ระบบน้ำ IoT เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว

 

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อศึกษาวิธีเปิด-ปิดน้ำอัตโนมัติ
  2. เพื่อออกแบบชุดตรวจสอบการเปิด-ปิดน้ำอัตโนมัติ โดยแสดงผลผ่านทางระบบIOT
  3. เพื่อสร้างและทดสอบชุดตรวจสอบการเปิด-ปิดน้ำอัตโนมัติให้สามารถน้ำมาใช้งานจริงได้

 

วัสดุอุปกรณ์

ผังโครงสร้าง

 

 

หลักการทำงาน

เมื่อเสียบไฟ แล้ว  NodeMcu  จะเช็คคำสั่งจาก UltraSonic Sensor   ว่าระดับน้ำอยู่ในระดับใด ถ้าไม่ถึง 29.10%  จะส่งคำสั่งให้ โซลินอยด์วาล์ว ทำงาน น้ำก็จะไหลจากถังเก็บไปที่ถังน้ำใช้   เมื่อน้ำไหลไปได้ระดับที่เซ็นเซอร์สามารถจับและอ่านค่าได้ถึงระดับ 29.10 %  UltraSonic Sensor จะส่งค่ามาที่ NodeMcu ให้ปิดการจ่ายน้ำที่ โซลินอยด์วาล์ว  โดยเราสามารถเข้าไปดูระดับน้ำได้จาก  Blynk  App  แบบออนไลน์ได้  โดยที่เราต้องลง Blynk  App  ที่โทรศัพท์

 

CODE คำสั่งการทำงาน

 

ผลของการทดสอบ

จากผลการทดลองใช้ระบบน้ำ  IoT  สามารถควบคุมการทำงานของระบบการเปิด – ปิดน้ำได้อย่างดี  ส่งผลให้ให้ประหยัดน้ำ เหมาะกับการที่จะนำมาใช้ควบคุมการใช้น้ำของนักเรียนในโรงเรียนประจำ

รูปการทำงาน

 

 

 

 

วีดีโอผลงาน

–

คณะผู้จัดทำโครงงาน

นายกฤษณะ บุญเรือน     ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕

นางสาวปภานิช เสือจู           ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๕

นายสุรสิทธิ์  เชาว์โคกสูง       ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓

 อาจารย์ที่ปรึกษา

นางณุชรี อ่อนน้ำคำ

 นางสาวสุรัชนา พรมภมร

โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๕๑ จังหวัดบุรีรัมย์

สังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ  กระทรวงศึกษาธิการ

ช่องทางการติดต่อ

125 ม.3  ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์31110

โทร. 044-632101  โทรสาร 044-632101

 https://sites.google.com/a/htp.ac.th/rachpracha51/contact

https://web.facebook.com/งานประชาสัมพันธ์ รปค ห้าสิบเอ็ด จังหวัดบุรีรัมย์

 

 

AC14 โครงงานฟาร์มต้นอ่อนทานตะวันอัจฉริยะ ราชประชานุเคราะห์ 48 จันทบุรี ม.ต้น

Posted on March 23, 2018 by puser35 Posted in ทสรช ปีการศึกษา 2560 .

โครงงานฟาร์มต้นอ่อนทานตะวันอัจฉริยะ

ที่มาและความสำคัญ
ต้นอ่อนทานตะวัน เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยสารอาหารและกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน ในการปลูกต้นอ่อนทานตะวันนั้นสามารถปลูกได้ง่าย เจริญเติบโตได้ในระยะเวลาอันสั้น และยังมีต้นทุนที่ไม่สูงนัก แต่ปัญหาที่พบมาในการเพาะต้นอ่อนทานตะวันด้วยตนเอง คือปัญหาในด้านการดูแล การรดน้ำ การควบคุมปริมาณแสงและความชื้นที่เหมาะสม อีกทั้งเหตุที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เช่น หากไปทำธุระนอกบ้านและจำเป็นต้องค้างคืน ๒-๓ วัน ก็อาจจะทำให้ต้นอ่อนทานตะวันเสียหายและต้องเสียเงินเพื่อชื้อของใหม่มาปลูก
ผู้จัดทำจึงได้ทำการออกแบบ ฟาร์มต้นอ่อนทานตะวันอัจฉริยะ เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกในการดูแลต้นอ่อนทานตะวันเมื่อเราไม่อยู่บ้าน หรือไม่มีเวลาดูแล โดยอาศัยการทำงานของวงจรอิเล็กทรอนิกส์และสมองกลฝังตัว เพื่อควบคุมน้ำและความชื้นที่เหมาะกับต้นอ่อนทานตะวัน

หลักการทำงาน
เมื่อ Sensor วัดค่าความชื้นบนถาดเพาะต้นอ่อนทานวันได้น้อยกว่าค่าที่ตั้งไว้ จะส่งข้อมูลให้แก่บอร์ด Arduino จาก Arduino จะส่งคำสั่งไปยัง Relay ให้จ่ายกระแสไฟแก่ปั้มน้ำจะได้ปล่อยน้ำเข้าสู่ระบบ เมื่อระบบมีแรงดันน้ำหัวสเปรย์หมอกก็จะทำการรดน้ำ จนกว่าความชื้นจะมีค่าเท่ากับที่ตั้งไว้ Sensor วัดค่าความชื้นจะส่งสัญญาณค่าไปยัง Arduino อีกครั้ง เพื่อสั่งการให้ Relay หยุดทำงาน ระบบรดจึงหยุดการทำงานด้วย

ผลของการทดสอบ
จากการทดสอบโดยจำลองระบบรดน้ำดังกล่าวกิบดินที่มีความชื้นต่าง ๆ พบว่า ระบบสามารถทำงานได้ตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ คือ รดน้ำเมื่อดิน (ค่าความชื้นต่ำ) หยุดรดน้ำเมื่อดินชุ่ม (ค่าความเท่ากับที่ตั้งไว้) แล้วส่งค่าไปเก็บไว้บนระบบ เพื่อให้ผู้รับผิดชอบใช้เป็นข้อมูลวิเคราะห์ และเปรียบเทียบ

คณะผู้จัดทำโครงงาน
๑.นางสาวนัตถพร อุดมศิลาชัย
๒.นายเจษฎา คนสอาด
๓.เด็กหญิงอันนา ทานากะ

อาจารย์ที่ปรึกษา
นางสาวเบญจวรรณ สังวัง

สถานที่ศึกษา
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๔๘ จังหวัดจันทบุรี

AC13 โครงงานห้องเรียนอัจฉริยะ บ้านนา “นายกพิทยากร” นครนายก ม.ต้น

Posted on March 23, 2018 by puser34 Posted in ทสรช ปีการศึกษา 2560 .

     โครงงานห้องเรียนอัจฉริยะ

 

 

ที่มาและความสำคัญ

 

ในปัจจุบันเทคโนโลยีได้เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคน ในด้านที่สำคัญ คือ ด้านการอำนวยความสะดวกสะบายของมนุษย์ด้วยการนำเทคโนโลยีต่างๆมาประยุกต์หรือช่วยแก้ปัญหาเพื่อตอบสนอง ความสะดวกสบาย อันเห็นได้จากสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม หลายๆอย่าง เช่น รถยนต์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ  ที่สร้างขึ้นเพื่อความสะดวกสบาย

ในการเปิด-ปิดไฟพัดลมในบางครั้ง เด็กนักเรียนที่มีหน้าที่รับผิดชอบประจำวันที่ลืมปิดไฟพัดลม และมีนักเรียนจากห้องอื่นเข้ามาก่อความวุ่นวายภายในห้องขณะที่นักเรียนไม่ได้อยู่ในห้องเช่น ช่วงพักกลางวัน และช่วงย้ายไปเรียนที่ห้องอื่น ทำให้สิ่งของภายในห้องสูญหายหรือไม่ได้จัดวางไว้ที่เดิม ทำให้เกิดปัญหากับนักเรียนที่เป็นเจ้าของสิ่งนั้น

เนื่องจากสาเหตุนี้ เราจึงได้สร้างแบบจำลองการทำงานของ smart classroom ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกสบาย ตรวจสอบนักเรียนที่เข้าภายในห้องและใช้เป็นแบบอย่างในการพัฒนาต่อเป็นสิ่งที่สามารถใช้งานจริงได้

 

วัตถุประสงค์

 

  1. เพื่อสร้างแบบจำลอง smart classroom
  2. เพื่ออำนวยความสะดวกสบายในการเปิด-ปิดไฟพัดลม และตรวจสอบนักเรียนที่เข้าออกภายในห้อง

 

วัสดุอุปกรณ์

  • บอร์ด Raspberry Pi
  • มอเตอร์
  • หลอด LED
  • กล้อง

  • ultrasonic sensor

ผังโครงสร้าง

 

ผังงาน

 

หลักการทำงาน

ใช้webcamในการแสกนใบกน้าแล้วเปิดประตูเมื่อเดินเขาไปในห้องจะมีเซนเซอร์ตรวจจับการเคลือนไหวถ้ามีการเคลื่อนไหวก็จะเปิดไฟจนกว่าจะไม่มีการเคลื่อนไหวและเมื่อจะออกจากห้องก็จะมีเซนเซอร์ ultasonic คอยเปิดประตูอัตโนมัติ

 

CODE คำสั่งการทำงาน

 


import RPi.GPIO as GPIO # import RPi.GPIO module
import time
import face_recognition
import cv2
Minute_For_ON = 0.1 # % minutes for Fan On
__FanOn = False
bFanOn = False
Forward = 23
Backward = 24
GPIO.setmode(GPIO.BCM) # choose BCM or BOARD
GPIO.setup(21, GPIO.OUT) # set GPIO18 as an output
GPIO.output(21, 0)#GPIO.setup(Forward, GPIO.OUT) # set GPIO18 as an output
#GPIO.setup(Backward, GPIO.OUT) # set GPIO18 as an output
# set GPIO18 to 1/GPIO.HIGH/True
# This is a demo of running face recognition on live video from your webcam. It’s a little more complicated than the
# other example, but it includes some basic performance tweaks to make things run a lot faster:
# 1. Process each video frame at 1/4 resolution (though still display it at full resolution)
# 2. Only detect faces in every other frame of video.# PLEASE NOTE: This example requires OpenCV (the cv2 library) to be installed only to read from your webcam.
# OpenCV is not required to use the face_recognition library. It’s only required if you want to run this
# specific demo. If you have trouble installing it, try any of the other demos that don’t require it instead.

# Get a reference to webcam #0 (the default one)
video_capture = cv2.VideoCapture(0)

# Load a sample picture and learn how to recognize it.
Sun_Image = face_recognition.load_image_file(“Sun.jpg”)
Sun_face_encoding = face_recognition.face_encodings(Sun_Image)[0]

# Load a second sample picture and learn how to recognize it.
Heart_image = face_recognition.load_image_file(“Heart.jpg”)
Heart_face_encoding = face_recognition.face_encodings(Heart_image)[0]

# Load a second sample picture and learn how to recognize it.
A_image = face_recognition.load_image_file(“A.jpg”)
A_encoding = face_recognition.face_encodings(A_image)[0]

# Create arrays of known face encodings and their names
known_face_encodings = [
Sun_face_encoding,
Heart_face_encoding,
A_encoding
]
known_face_names = [
“Sun”,
“Heart”,
“A”
]

# Initialize some variables
face_locations = []
face_encodings = []
face_names = []
process_this_frame = True
state =1
door =1

#def forward(x):
#GPIO.output(Forward, GPIO.HIGH)
# print(“Moving Forward”)
#time.sleep(x)
#GPIO.output(Forward, GPIO.LOW)

#def reverse(x):
#GPIO.output(Backward, GPIO.HIGH)
#print(“Moving Backward”)
#time.sleep(x)
#GPIO.output(Backward, GPIO.LOW)

while True:
# Grab a single frame of video
ret, frame = video_capture.read()

# Resize frame of video to 1/4 size for faster face recognition processing
small_frame = cv2.resize(frame, (0, 0), fx=0.25, fy=0.25)

# Convert the image from BGR color (which OpenCV uses) to RGB color (which face_recognition uses)
rgb_small_frame = small_frame[:, :, ::-1]

# Only process every other frame of video to save time

if process_this_frame:
# Find all the faces and face encodings in the current frame of video
face_locations = face_recognition.face_locations(rgb_small_frame)
face_encodings = face_recognition.face_encodings(rgb_small_frame, face_locations)

face_names = []
bFanOn = False
for face_encoding in face_encodings:
# See if the face is a match for the known face(s)
matches = face_recognition.compare_faces(known_face_encodings, face_encoding)
name = “Unknown”

# If a match was found in known_face_encodings, just use the first one.
if True in matches:
first_match_index = matches.index(True)
name = known_face_names[first_match_index]
bFanOn = True or bFanOn

face_names.append(name)

process_this_frame = not process_this_frame

if( state == 1 ):
GPIO.output(21, 0) # Fan Off
if ( bFanOn ==True ):
print(“Fan ON”)
start_time = time.time()
state = 2
# door = 2

if( state == 2 ):
GPIO.output(21, 1) # Fan On
if ( time.time() – start_time > 10*Minute_For_ON ) :
state = 1
print(“Fan OFF”)
#if( door == 2):
#forward(5)
#reverse(5)
#door = 1
# Display the results
for (top, right, bottom, left), name in zip(face_locations, face_names):
# Scale back up face locations since the frame we detected in was scaled to 1/4 size
top *= 4
right *= 4
bottom *= 4
left *= 4

# Draw a box around the face
cv2.rectangle(frame, (left, top), (right, bottom), (0, 0, 255), 2)

# Draw a label with a name below the face
cv2.rectangle(frame, (left, bottom – 35), (right, bottom), (0, 0, 255), 2)
font = cv2.FONT_HERSHEY_DUPLEX
cv2.putText(frame, name, (left + 6, bottom – 6), font, 1.0, (255, 255, 255), 1)

# Display the resulting image
cv2.imshow(‘Video’, frame)

# Hit ‘q’ on the keyboard to quit!
if cv2.waitKey(1) & 0xFF == ord(‘q’):
break

# Release handle to the webcam
video_capture.release()
cv2.destroyAllWindows()
GPIO.cleanup()

# Import required Python libraries
from _future_ import print_function
import time
import RPi.GPIO as GPIO
# Use BCM GPIO references
# instead of physical pin numbers
GPIO.setmode(GPIO.BCM)# Define GPIO to use on Pi
GPIO_TRIGGER = 23
GPIO_ECHO = 24
Forward = 25
Backward = 8
door = 0
# Speed of sound in cm/s at temperature
temperature = 20
speedSound = 33100 + (0.6*temperature)

print(“Ultrasonic Measurement”)
print(“Speed of sound is”,speedSound/100,”m/s at “,temperature,”deg”)

# Set pins as output and input
GPIO.setup(GPIO_TRIGGER,GPIO.OUT) # Trigger
GPIO.setup(GPIO_ECHO,GPIO.IN) # Echo
GPIO.setup(Forward,GPIO.OUT)
GPIO.setup(Backward,GPIO.OUT)
def forward(x):
GPIO.output(Forward, GPIO.HIGH)
print(“Moving Forward”)
#time.sleep(x)
#GPIO.output(Forward, GPIO.LOW)

def reverse(x):
GPIO.output(Backward, GPIO.HIGH)
print(“Moving Backward”)
time.sleep(x)
GPIO.output(Backward, GPIO.LOW)

while True:

# Set trigger to False (Low)
GPIO.output(GPIO_TRIGGER, False)

# Allow module to settle
time.sleep(0.5)

# Send 10us pulse to trigger
GPIO.output(GPIO_TRIGGER, True)
# Wait 10us
time.sleep(0.00001)
GPIO.output(GPIO_TRIGGER, False)
start = time.time()

while GPIO.input(GPIO_ECHO)==0:
start = time.time()

while GPIO.input(GPIO_ECHO)==1:
stop = time.time()

# Calculate pulse length
elapsed = stop-start

# Distance pulse travelled in that time is time
# multiplied by the speed of sound (cm/s)
distance = elapsed * speedSound

# That was the distance there and back so halve the value
distance = distance / 2
##distance
print(“Distance : {0:5.1f}”.format(distance))
if (distance < 40):
print (“do”)
# = time.time()
forward(5)
door = 1

else :
GPIO.output(Forward, GPIO.LOW)
time.sleep(1)
if ( door == 1) :
reverse(1.5)
door = 0

GPIO.cleanup()

 

สิ้นสุดการสนทนาผ่านแชท
พิมพ์ข้อความ…

 

 

 

ผลของการทดสอบ

 

 

เราได้ทำการให้ผู้ทดสอบ มาทดสอบในการใช้กล้องเว็ปแคมจดจำใบหน้าและระบุชื่อเจ้าของใบหน้านั้น ผลปรากฏดังงนี้

ครั้งที ผู้ทดสอบคนที่1 ผู้

ทดสอบคนที่2

ผู้ทดสอบคนที่3 ผู้ทดสอบคนที่4
1

2  

 

3

4

5

 

วิธีการดำเนินการ

  1 กำหนดปัญหาที่ต้องแก้ไข

จากการสังเกต พบว่ามีนักเรียนผู้รับผิดชอบเวรประจำวันหลายห้อง ลืมปิดไฟ พัดลม และมีนักเรียนต่างห้องเข้ามาทำให้สิ่งของสูญหาย จึงทำให้เราต้องการที่จะจัดทำโครงงานนี้ขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้

2 ทำการรวบรวมข้อมูล

เนื่องจาก เราต้องการจะทำที่เกี่ยวกับบอร์ด Raspberry Pi และเว็ปแคม ดังนั้น ข้อมูลที่  เราต้องศึกษา ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับบอร์ด Raspberry Pi และเว็ปแคม บอร์ด Raspberry Pi คือ  เครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋ว ที่มีขนาดเพียงเท่ากับบัตรเครดิต ที่สำคัญคือ ราสเบอร์รี่พายนี้มีราคาที่ถูกมาก เมื่อเทียบกับคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปปกติ คือมีราคาเพียงแค่หนึ่งพันบาทแต่สามารถทำงาน  ได้เหมือนเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกอย่าง เราสามารถต่อราสเบอร์รี่พายนี้เข้ากับจอคอมพิวเตอร์หรือ   จอทีวีที่รองรับ HDMI หรือถ้าไม่มีพอร์ต HDMI ก็ไม่ต้องกังวล สามารถต่อผ่านสายสัญญาณวิดีโอปกติ (เส้นสีเหลือง) แต่ความละเอียดอาจจะต่ำกว่า เซนเซอร์ คือ อุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณหรืองปริมาณทางฟิสิกส์ต่างๆ

3 เลือกวิธีที่จะทำการแก้ปัญหา

ต้องการที่จะทำแบบจำลองห้องเรียนเพื่อใช้ในการอำนวยความสะดวกสบายในการเปิดปิดไฟ พัดลม

4 ทำการออกแบบและลงมือปฎิบัติ

ใช้ภาพร่าง 2 มิติในการอออกแบบตัวเครื่องจ่ายไฟอัตโนมัติและใช้ภาพ 3 มิติในการออกแบบโมเดลขึ้นเป็นชินงานต้นแบบ จากนั้นก็ลงมือปฎิบัติตามแผนที่วางไว้

5 เริ่มทำการทดสอบแบบจำลอง smart room

เริ่มทำการทดสอบแบบจำลอง smart roomโดยนำเซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวมาคอยควบคุมการเปิดปิดประตู และใช้กล้องเวบแคมในตรวจจับใบหน้าเพื่อตรวจสอบผู้เข้าออกในห้อง

6 ทำการปรับปรุงแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

ปัญหาของพวกเราก็คือมอเตอร์ไม่ทำงานเนื่องจากกำลังไฟไม่พอพวกเราคณะผู้จัดทำจึงได้นำRelayมาช่วยเพื่มกำลังไฟ

7 ทำการประเมินผลที่ได้มา

เราได้ทำการทดลองโดยการใช้กล้องเวปแคมในการตรวจจับใบหน้า ผลปรากฏว่ากล้องเวปแคมสามารถตรวจจับใบหน้าได้ค่อนข้างแม่นยำ

 

คณะผู้จัดทำโครงงาน

  1. ด.ช.ณัฐวัฒน์ ด้วงเงิน
  2. ด.ช.ภูชิต  เกตุสมบูรณ์
  3. ด.ช.อภิวิชญ์  ปาลิกา

 

 

อาจารย์ที่ปรึกษา

ครูอภิชาติ ชัยชนะ                                 สอนวิชา คอมพิวเตอร์

โทรศัพท์  0812743551                 อีเมล chaicha.ap@gmail.com

ครูนารีรัตน์ อินอิว                                  สอนวิชา คณิตศาสตร์

โทรศัพท์ 0885269988                   อีเมล ineiw2525@gmail.com

โรงเรียนพุทธโกศัยวิทยา

ที่อยู่ของโรงเรียน            โรงเรียนบ้านนา”นายกพิทยากร”

AS11 โครงงานระบบแปลงเกษตร IOT ราชประชานุเคราะห์ 37 กระบี่ ม.ต้น

Posted on March 23, 2018 by puser32 Posted in ทสรช ปีการศึกษา 2560 .


โครงงานระบบแปลงเกษตร IOT

 

ที่มาและความสำคัญ

โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่ ได้ดำเนินกิจกรรมหลัก ๆ ด้านการเกษตรทั้งปลูกพืชผักสวนครัวในวงบ่อซีเมนต์ การเพาะเห็ดฟาง การเลี้ยงสัตว์ เพื่อนำผลผลิตไปสนับสนุนโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียนและเป็นการวางพื้นฐานการประกอบอาชีพให้แก่นักเรียนและคนในชุมชนปลูกพืชผักกินเอง เพื่อลดรายจ่าย ส่วนที่เหลือจำหน่ายเพิ่มรายได้  จนกลายเป็นอาชีพหลักของครัวเรือนในพื้นที่ แต่ที่ผ่านมาโดยส่วนมากการเพาะปลูกต่าง ๆ ใช้แรงงานคนในการดูแลรักษาเป็นหลัก แต่การใช้แรงงานคนในการดูแลนั้นก็มักพบปัญหาในหลาย ๆ ด้าน เนื่องจากการขาดประสบการณ์ในการทำงานและความเอาใจใส่ในการดูแลบวกกับต้องใช้เวลาในการจัดสรรหน้าที่ต่าง ๆ และเมื่อขาดประสบการณ์กับการเอาใจใส่แล้ว คุณภาพของผลผลิตที่ได้นันก็ไม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด เนื่องจากปัญหาจากการดูแลพืชบางชนิที่มีระยะเวลาการเจริญเติบโตสั้น และมีองค์ประกอบโครงสร้างละเอียดอ่อนเสียหายง่าย การปลูกและผลิตจึงมักจะประสบอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ อันเป็นผลทำให้เกิดความสูญเสียทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ตั้งแต่เริ่มต้นปลูกไปจนกว่าจะถึงมือผู้บริโภคจากปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทำให้คณะผู้จัดทำเล็งเห็นปัญหาที่เกิดจากการดูแลพืชทำให้ผลผลิตเสียหาย ทำให้คณะผู้จัดทำคิดค้นระบบอัตโนมัติ ที่สามารถควบคุมการรดน้ำและการใส่ปุ๋ยให้อยู่ในปริมาณที่พอเหมาะ และไม่จำเป็นที่จะต้องใช้แรงงานในการเฝ้าดูแล

หลักการทำงาน

โครงงานระบบแปลงเกษตร IoT  แบ่งการทำงานออกออกเป็น ๒ ระบบ คือ ๑) สั่งการทำงานของระบบผ่านมือถือ ๒) ระบบการทำงานแบบอัตโนมัติ โดยเมื่อ Sensor ตรวจวัดค่าปริมาณความชื้นในดินแล้วพบว่า ค่าความชื้นต่ำกว่าที่ค่าไว้ Raspberry Pi จะส่งคำสั่งให้ระบบปล่อยน้ำเพื่อรดน้ำแปลงเกษตรเป็นเวลา ๑๐ – ๓๐ นาทีแล้วแต่พื้นที่ปลูก และเมื่อถึงเวลาให้ปุ๋ยในที่นี้สั่งจ่ายปุ๋ยทุก ๑๕ วัน Raspberry Pi จะสั่งให้ระบบจ่ายปุ๋ยทำงาน เพื่อให้ปุ๋ยแก่พืชที่ปลูกอยู่

ผลของการทดสอบ

โครงงานระบบแปลงเกษตร IoT นี้ สามารถรดน้ำ และใส่ปุ๋ยแปลงสาธิตได้ตามที่โปรแกรมไว้ และตรวจเช็คแล้ว ว่าระบบขัดข้องผู้ควบคุมแลยังสามารถที่จะสั่งรดน้ำและใส่ปุ๋ยผ่านมือถือหรือ Computer ได้ ทั้งนี้ ค่าต่าง ๆ ที่ป้อนเข้าสู่โปรแกรมทั้งระยะเวลาการให้น้ำ ให้ปุ๋ย และค่าความชื้นต้องมีการศึกษาหามูลให้เหมาะสมกับชนิดของพืชที่จะปลูกลงแปลงเกษตร

คณะผู้จัดทำโครงงาน
๑.เด็กหญิงกัญญารัตน์ จิตรานนท์
๒.เด็กหญิงพิณทิพ ระย้า
๓.เด็กชายจารุวัตร์ จันทร์แก้ว
อาจารย์ที่ปรึกษา
นายนพดล พุทธพฤกษ์
สถานที่ศึกษา
โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๓๗ จังหวัดกระบี่

ANE08 โครงงานตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ด้วยระบบอัตโนมัติ ราชประชานุเคราะห์ 53 สกล นคร (ม.ต้น)

Posted on March 23, 2018 by puser29 Posted in ทสรช ปีการศึกษา 2560 .

โครงงานตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ด้วยระบบอัตโนมัติ

  • ที่มาและความสำคัญของปัญหา

เนื่องจากโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๕๓ จังหวัดสกลนคร เป็นโรงเรียนอยู่ประจำที่ส่งเสริมให้นักเรียนมีรายได้ระหว่างเรียนและมีอาชีพหลังจากจบการศึกษาไป ซึ่งอาชีพที่เป็นที่นิยมของนักเรียน จะเป็นอาชีพเกษตรกรรม อาชีพคหกรรม อาชีพอุตสาหกรรม และอาชีพบริการ เป็นต้น ผลผลิตทางการเกษตรในโรงเรียนจึงมีเป็นจำนวนมาก โดยมีการจำหน่ายให้กับทางโรงเรียน ซึ่งในบางช่วงเวลามีผลผลิตที่มากเกินความต้องการของผู้บริโภคภายในโรงเรียน ผลผลิตที่เหลือเกิดการเน่าเสีย แต่ถ้าสามารถยืดระยะเวลาในการเก็บรักษาให้นานขึ้น จะช่วยลดการสูญเสียในส่วนนี้ลงได้ ซึ่งวิธีการที่นิยมใช้ในอดีตจนถึงปัจจุบัน คือ การนำผลผลิตทางการเกษตรไปตากแดด แต่วิธีนี้มีข้อเสีย คือความไม่แน่นอนของสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะในฤดูฝนที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย และอาจเกิดการปนเปื้อนของผลิตภัณฑ์จากฝุ่นละอองและจุลินทรีย์

การอบแห้งด้วยตู้อบพลังงานแสงอาทิตย์เป็นอีกวิธีที่นำมาใช้ถนอมอาหารและเก็บรักษาผลผลิตทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการอบแห้งแล้ว จะมีความชื้นลดลง ทำให้จุลินทรีย์ที่อยู่ในผลิตภัณฑ์มีอัตราการเจริญเติบโตช้าลง ผลิตภัณฑ์จะไม่เน่าเสียง่าย ในการอบแห้งด้วยตู้อบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์นี้ยังปราศจากสิ่งปนเปื้อนภายนอก เช่น แมลงวัน มด ฝุ่นละอองต่างๆ

ดังนั้นคณะผู้จัดทำ จึงศึกษาการอบแห้งโดยใช้ตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ โดยการนำกล้วย และเนื้อหมู มาทดลองเพื่อเปรียบเทียบระหว่างการอบแห้งด้วยตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์และการตากแห้งธรรมดา ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการอบแห้งด้วยตู้อบแห้งเอนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์มีคุณภาพที่ดีใกล้เคียงกับการตากแห้งธรรมดา

วัตถุประสงค์

  1. เพื่อสร้างและศึกษาตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ และการทำงานแบบอัตโนมัติ
  2. เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพการอบแห้งด้วยตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์และการตากแห้งธรรมดา

 

ตัวแปรที่ศึกษา

ตัวแปรต้น        : ตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์

ตัวแปรตาม       : ความแห้งของผลิตภัณฑ์

ตัวแปรควบคุม   : ความหนา-บางของผลิตภัณฑ์

 

 

ขอบเขตการศึกษา

  1. ผลิตภัณฑ์ที่ศึกษา ได้แก่ กล้วย
  2. ใช้เซนเซอร์วัดอุณหภูมิเป็นตัวควบคุมการทำงานของตู้อบแห้งแบบอัตโนมัติ
  3. เวลาในการศึกษา อยู่ในช่วง 09.00 – 16.00 น.
  4. สถานที่ศึกษาบริเวณสนามบาสโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ๕๓ จังหวัดสกลนคร

 

 สมมติฐาน

          ตู้อบแห้งมีประสิทธิภาพในการอบแห้งผลิตภัณฑ์มากกว่าการตากแดดแบบธรรมดา และตู้อบแห้งจะทำงานอัตโนมัติเมื่อภายในตู้อบมีอุณหภูมิต่ำกว่า 55 องศาเซลเซียส และมีความชื้นมากกว่า 16 %

 

 ประโยชน์ที่ได้รับ

  1. ได้ตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ ที่สามารถทำงานแบบอัตโนมัติ
  2. ทราบผลการเปรียบเทียบการอบแห้งจากตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์และการตากแห้งธรรมดา

 

วิธีการดำเนินงาน

          การศึกษาตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ มีขั้นตอนการดำเนินงานดังนี้

 

  1. สืบค้นและศึกษาข้อมูลเรื่องตู้อบแห้งจากพลังงานแสงอาทิตย์
  2. ออกแบบตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์

3 จัดเตรียมอุปกรณ์และสร้างตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์

4 เขียนโปรแกรมควบคุมการทำงานของตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ ลงในบอร์ด Arduino

รูปที่…..

5.ทดลองใช้โปรแกรมควบคุมการทำงานของตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์

รูปที่ …..

6.ต่ออุปกรณ์เข้ากับบอร์ด Arduino และประกอบเข้ากับตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์

 

รูปที่…..

 

 

 

 

 

 

 

 

7.ทดลองใช้ตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ และบันทึกผลการทดลอง

 

รูปที่ 1 แสดง เครื่องอบแห้งเอนกประสงค์ด้วยพลังงานแสงอาทิตย์

ผลการดำเนินการ

จากการเก็บข้อมูลผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการอบแห้งด้วยตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ และการตากแดดธรรมดา ได้ผลการทดลองดังนี้

 

ผลการทดลอง

วันที่  เปรียบเทียบ อุณหภูมิต่ำสุด อุณหภูมิสูงสุด น้ำหนัก
ช่วงเวลา อุณหภูมิ ช่วงเวลา อุณหภูมิ ก่อนทดลอง(กรัม) หลังทดลอง (กรัม)
1 ตู้อบ 9.00 น. 32 15.00 น. 64 5.10 2.80
แดด 9.00 น. 27 15.00 น. 30 5.00 3.43
2 ตู้อบ 9.00 น. 34 15.00 น. 65 3.30 1.24
แดด 9.00 น. 29 15.00 น. 31 3.40 1.96
3 ตู้อบ 9.00 น. 32 15.00 น. 60 4.80 2.60
แดด 9.00 น. 29 15.00 น. 30 4.54 3.00
4 ตู้อบ 9.00 น. 33 15.00 น. 59 4.64 2.60
แดด 9.00 น. 27 15.00 น. 29 4.20 3.00
5 ตู้อบ 9.00 น. 31 15.00 น. 59 3.20 1.02
แดด 9.00 น. 26 15.00 น. 29 2.50 1.21
ค่าเฉลี่ยของตู้อบ ฯ 9.00 น. 32.40 15.00 น. 61.40 4.20 2.05
ค่าเฉลี่ยของตากแดด ฯ 9.00 น. 27.60 15.00 น. 29.80 3.93 2.52

ตารางที่ 1 ตารางแสดงผลการทดลองการเปรียบเทียบน้ำหนักผลิตภัณฑ์ และอุณหภูมิภายในตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ และการตากแดดธรรมดา

 

 

กราฟที่ 1 กราฟแสดงแสดงผลการทดลองการเปรียบเทียบอุณหภูมิภายในตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ และการตากแดดธรรมดา

 

จากผลการทดลองพบว่า เมื่อนำเอาผลิตภัณฑ์มาอบแห้งในตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ วัดค่าอุณหภูมิในช่วงเวลา 09.00 น. ได้ คือ 32 , 34 , 32 , 33 และ 31 องศาเซลเซียส ตามลำดับ ช่วงเวลา 15.00 น. ได้ คือ 64 , 65 , 60 , 59 , 59 องศาเซลเซียส ตามลำดับ และวัดอุณหภูมิของการตากแดดแบบธรรมดา ช่วงเวลา 09.00 น. ได้ คือ 27 , 29 , 29 , 27 และ 26 องศาเซลเซียส ตามลำดับ ช่วงเวลา 15.00 น. ได้ คือ 30 , 31 , 30 , 29 และ 29 องศาเซลเซียส ตามลำดับ น้ำหนักของผลิตภัณฑ์ ก่อนการทดลองในตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์มีค่าเฉลี่ย 4.20 กรัม หลังการทดลองมีค่าเฉลี่ย 2.05 กรัม น้ำหนักผลิตภัณฑ์ก่อนการทดลองโดยการตากแดดธรรมดามีค่าเฉลี่ย 3.93 กรัม และน้ำหนักหลังการทดลองมีค่าเฉลี่ย 2.52 กรัม และในวันที่ไม่มีแสงแดดหรืออุณหภูมิภายในตู้อบแห้งอเนกประสงค์น้อยกว่า 30 องศาเซลเซียส หลอดไฟในตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์จะทำงานอัตโนมัติ

สรุปผลการดำเนินการ/อภิปรายผลการดำเนินการ

          การศึกษาตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ สามารถนำผลการศึกษามาสรุปผลการดำเนินการและอภิปรายผลการดำเนินการได้ดังต่อไปนี้

 

 สรุปผลการดำเนินการ

จากการทดลองอบแห้งผลิตภัณฑ์ด้วยตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ พบว่าเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 55 องศาเซลเซียส หลอดไฟจะทำงานเพื่อส่งความร้อนไปปรับอุณหภูมิให้มากกว่า 55 องศาเซลเซียส แล้วหลอดไฟจะหยุดทำงาน และค่าความชื้นมีค่ามากกว่า 16 % พัดลมจะทำงานเพื่อดูดเอาความชื้นออกภายนอกตู้อบ เมื่อค่าความชื้นมีค่าต่ำกว่า 16 % พัดลมจะหยุดทำงานและลำโพงจะส่งเสียงดัง

 

 

อภิปรายผลการดำเนินการ

          จากการศึกษาตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ สามารถนำผลการศึกษามาอภิปรายผลคือ นักเรียนศึกษาและประดิษฐ์สร้างเครื่องอบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ ทำให้นักเรียนได้เครื่องอบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์ มีความรู้และสามารถนำผลการทดลองมาเปรียบเทียบหาประสิทธิภาพ โดยเครื่องอบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์มีประสิทธิภาพที่สูงสามารถยืดระยะเวลาของผลผลิตให้ได้นานยิ่งขึ้น และสามารถทำงานเพื่อเพิ่มอุณหภูมิภายในตู้อบแห้งได้อัตโนมัติ เป็นการเพิ่มศักยภาพในการทำงานของตู้อบแห้งอเนกประสงค์พลังงานแสงอาทิตย์

 ข้อเสนอแนะ

 

  1. สามารถนำไปต่อยอดให้มีการแจ้งเตือนผ่านมือถือโทรศัพท์มือถือ เมื่อผลิตภัณฑ์มีค่าความชื้นที่พอเหมาะได้
  2. สามารถนำไปปรับใช้กับการปิด เปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าได้

คณะผู้จัดทำ

1.  นางสาวอภัสรา  แสงพล

2. นางสาวสุนันทา  แจ่มพล

3. นางสาวสุกัญญา รัตนศรี

ครูที่ปรึกษา

1. ครูสานิต  โลบภูเขียว

2. ครูจิตรฤทัย ดีโท

3. ครูศีลวัต โคตรพรม

 

 

 

 

ANE07 โครงงานถุงมืออัจฉริยะสำหรับผู้พิการทางสายตาศึกษาสงเคราะห์ธวัชบุรี ร้อยเอ็ด (ม.ปลาย)

Posted on March 23, 2018 by puser28 Posted in ทสรช ปีการศึกษา 2560 .

ถุงมืออัจฉริยะสำหรับผู้พิการทางสายตา

 

ทีมาและความสำคัญ
ไม้เท้า เป็น มิตรคู่มือ สื่อคู่เท้า สำหรับคนตาบอด ซึ่งถ้าท่านพบเห็นคนถือไม้เท้า ก็คือเป็นสัญลักษณ์
ที่บ่งบอกว่า เราคือคนตาบอด การใช้ไม้เท้าขาวของคนตาบอดนั้น จะต้องได้รับการฝึกฝน จนกระทั่งคนตาบอดสามารถใช้ อย่างเกิดทักษะ แล้วก็มีอิสระ แล้วก็มีความกล้าที่จะใช้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่า คนตาบอด
บางคน ไม่กล้าที่จะถือไม้เท้า แล้วก็ผู้ปกครองบางคน มีความรู้สึกลำบากใจ ที่จะให้บุตรหลานถือไม้เท้า ไม้เท้าขาว เป็นสัญลักษณ์ที่ผู้อื่นพบเห็นแล้วจะเข้าใจ แล้วก็จะสามารถช่วยเหลือได้ แต่จากการศึกษาพบว่าแม้แต่ในเมืองใหญ่
ที่มีความเจริญและความพร้อมด้านเทคโนโลยี ระบบการคมนาคมขนส่ง และระบบการสาธารณูปโภคที่ครบครันเพียงใดก็ตาม ก็ยังขาดอุปกรณ์ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่คนพิการทางสายตา ที่เพียงพอและทั่วถึง
คณะผู้จัดทำจึงมีแนวคิดที่จะออกแบบถุงมืออัจฉริยะสำหรับผู้พิการทางสายตาด้วยเปลี่ยนจาก
การใช้ไม้เท้ามาเป็นถุงมือที่สามารถบอกได้ล่วงหน้าว่ามีวัตถุและนำเทคโนโลยีระบบสมองกลฝังตัว
ความก้าวหน้าของสมาร์ทโฟน ระบบทำทาง (GPS) นำเซนเซอร์อินฟราเรด แล้วนำมาเขียนโปรแกรมควบคุมการทำงานผ่านบอร์ด WeMos D1 มีการนำเอา Servo Motor มาเพื่อให้รับรู้ว่ามีวัตถุอยู่ด้านหน้า
ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี

วัตถุประสงค์
เพื่อออกแบบและสร้างอุปกรณ์อำนวยความสะดวกแก่ผู้พิการตาทางสายตา

 

วัสดุอุปกรณ์

1. WeMos D1   

 2. Infrared sensors

3. GPS Module      

                       

4. GMS/GPRS Module

5. Switch on/off  

                         

6. Servo Motor

7. สายแพร์   

                                 

8. ถ่าน 9v       

 

9. ถุงมือ

 

ผังโครงสร้าง

 

หลักการทำงาน

     หลักการทำงานของถุงมืออัจฉริยะสำหรับผู้พิการทางสายตาคณะผู้จัดทำได้นำอุปกรณ์  WeMos D1 เป็นอุปกรณ์ควบคุมการทำงานจากการเขียนโปแกรมภาษา C เพื่อสั่งการให้อุปกรณ์ทำงานตามเงื่อนไขที่กำหนดมีดังต่อไปนี้

      3.1 เริ่มต้นการทำงานเซ็นเซอร์ทุกตัวเริ่มการตรวจเช็คคำสั่งที่กำหนด และ จีพีเอส (GPS) เริ่มระบุตำแหน่ของอุปกรณ์

                3.2 เมื่อ  Infrared sensors มีการตรวจพบสิ่งกีดขวางในระยะทาง น้อยกว่าหรือเท่ากับ 120 เซนติเมตร เซ็นเซอร์จะส่งข้อมูลไปที่ WeMos D1 จากนั้น WeMos D1 จะสั่งงานไปยัง
Servo Motor ให้ทำงาน

                3.3 เช็คตำแหน่องของอุปกรณ์ได้ด้วยดูผ่าน APP INVENTOR ในสมาร์ทโฟน

 

CODE คำสั่งการทำงาน

 

#include <Servo.h>
#include <SoftwareSerial.h>
#include <TinyGPS.h>

#include <ESP8266WiFi.h>
#include <MicroGear.h>

const char* ssid = “COM3”;
const char* password = “123456789”;

#define APPID “gps”
#define KEY “54qHudYtXHbJSzl”
#define SECRET “rCzodAuLCnoW0Mkq9Br6JOF6U”
#define ALIAS “esp8266”

TinyGPS gps;
SoftwareSerial ss(15, 13);
Servo myservo;
int ledPin = 13; //LED anode connected to digital pin 13
int inputPin = 5; //infrared proximity switch connected to digital pin 2
int val = 0; //this variable will read the value from the sensor
int pos = 0;
int roundmax = 30;
int qround = 0;

WiFiClient client;

int timer = 0;
MicroGear microgear(client);

static void smartdelay(unsigned long ms);
static String Get_Location();

void onMsghandler(char *topic, uint8_t* msg, unsigned int msglen) {
Serial.print(“Incoming message –> “);
msg[msglen] = ‘\0’;
Serial.println((char *)msg);
}

void onFoundgear(char *attribute, uint8_t* msg, unsigned int msglen) {
Serial.print(“Found new member –> “);
for (int i = 0; i < msglen; i++)
Serial.print((char)msg[i]);
Serial.println();
}

void onLostgear(char *attribute, uint8_t* msg, unsigned int msglen) {
Serial.print(“Lost member –> “);
for (int i = 0; i < msglen; i++)
Serial.print((char)msg[i]);
Serial.println();
}

/* When a microgear is connected, do this */
void onConnected(char *attribute, uint8_t* msg, unsigned int msglen) {
Serial.println(“Connected to NETPIE…”);
/* Set the alias of this microgear ALIAS */
microgear.setAlias(ALIAS);
microgear.subscribe(“/location”);
}

//*****************************************************************
//*****************************************************************
//*****************************************************************
//*****************************************************************

void setup()
{

Serial.begin(115200);
Serial.print(“Testing TinyGPS library v. “); Serial.println(TinyGPS::library_version());
ss.begin(9600);
myservo.attach(0); // ต่อ Servo กับ Digital Pin 0
pinMode(ledPin, OUTPUT); //declare LED as output
pinMode(inputPin, INPUT); //declare infrared sensor as input

microgear.on(PRESENT, onFoundgear);

/* Call onLostgear() when some gear goes offline */
microgear.on(ABSENT, onLostgear);

/* Call onConnected() when NETPIE connection is established */
microgear.on(CONNECTED, onConnected);

Serial.begin(115200);
Serial.println(“Starting…”);

/* Initial WIFI, this is just a basic method to configure WIFI on ESP8266. */
/* You may want to use other method that is more complicated, but provide better user experience */
if (WiFi.begin(ssid, password)) {
while (WiFi.status() != WL_CONNECTED) {
delay(500);
Serial.print(“.”);
}
}

Serial.println(“WiFi connected”);
Serial.println(“IP address: “);
Serial.println(WiFi.localIP());

/* Initial with KEY, SECRET and also set the ALIAS here */
microgear.init(KEY, SECRET, ALIAS);

/* connect to NETPIE to a specific APPID */
microgear.connect(APPID);

}

void loop()

{
val = digitalRead(inputPin); // read input value
if (val == HIGH) //check if the input is HIGH
{
digitalWrite(ledPin, LOW); //LED is off
Serial.println(val);
myservo.detach();
}

else
{
digitalWrite(ledPin, HIGH); //LED is turned on
Serial.println(val);
myservo.attach(0);
for (pos = 0; pos <= 90; pos += 1) // ค่อยๆเพิ่มองศาการหมุน จาก 0 ถึง 180 เพิ่มขึ้นที่ละ 1 องศาในเวลา 0.015 วินาที
{
myservo.write(pos); // คำสั่งองศาการหมุน
delay(2);
}
for (pos = 90; pos >= 0; pos -= 1) // ถ้าองศาถึง 180 แล้ว ให้ลดทีละ 1 องศาจนถึง 0 แล้ววนไปเรื่อยๆ
{
myservo.write(pos);
delay(2);
}
myservo.detach();
}

if (qround == roundmax) {
qround = 0;
}
if (qround == 0) {
String locate;
smartdelay(1000);
locate = Get_Location();
if(locate==”NULL”){
locate = locate +”|” + String(micros());
Serial.println(locate);
}else{
Serial.println(locate);
}
if (microgear.connected()) {
Serial.println(“connected”);

/* Call this method regularly otherwise the connection may be lost */
microgear.loop();
Serial.println(“Publish…”);

/* Chat with the microgear named ALIAS which is myself */
//microgear.chat(ALIAS,locate);
microgear.publish(“/location”,locate,true);
timer = 0;

}
else {
Serial.println(“connection lost, reconnect…”);
if (timer >= 5000) {
microgear.connect(APPID);
timer = 0;
}
else timer += 100;
}
delay(100);

}
qround++;
delay(50);

}

static String Get_Location()
{
float flat, flon;
unsigned long age, date, time, chars = 0;
unsigned short sentences = 0, failed = 0;
static const double LONDON_LAT = 51.508131, LONDON_LON = -0.128002;
String location;
int sate = 255;
sate = gps.satellites();
gps.f_get_position(&flat, &flon, &age);
if (sate < 255) {
location = String(flat, 6) + “|” + String(flon, 6);
} else {
location = “NULL”;
}
return location;
}

static void smartdelay(unsigned long ms)
{
unsigned long start = millis();
do
{
while (ss.available())
gps.encode(ss.read());
} while (millis() – start < ms);
}


 

ผลการดำเนินงาน

ผลจากการทำถุงมืออัจฉริยะสำหรับผู้พิการทางสายตาที่ควบคุมการทำงานด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด จากการทดสอบพบว่าถ้าเซนเซอร์อินฟาเรด (Infrared sensors) ที่สามารถตรวจจับวัตถุในระยะ 120 เซนติเมตร ถ้าพบวัตถุในระยะ 120 เซนติเมตร บอร์ด WeMos D1 จะสั่งงานให้ มอแตอร์สั่นทำงานแต่ถ้าระยะทางมากกว่า 120 เซนติเมตร มอเตอร์ จะไม่ทำงาน และยังสามารถเช็คดูตำแหน่งของอุปกรณ์ผ่าน c ในสมาร์ทโฟนได้

คณะผู้จัดทำโคงงาน

1. นายสัจจา  ชัยนามล                                                                    2. นายศักดา ดีแสง

 

 

 

ครูที่ปรึกษา     

1. นายคมกริช บุตรอุดม                    สอนวิชา คอมพิวเตอร์
2. นางสาวฐิติมา ผ่องแผ้ว                   สอนวิชา คอมพิวเตอร์
3. นายภีศเดช  วิชัด                          สอนวิชา คอมพิวเตอร์

โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ธวัชบุรี

ที่อยู่ของโรงเรียน            ตำบลนิเวศ   อำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด

« Previous Page
Next Page »

Meta

  • Log in
  • Entries feed
  • Comments feed
  • WordPress.org

CyberChimps WordPress Themes

© โครงงานสมองกลฝังตัว