2-06 ศาสตร์แห่งพระราชา : ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารบนพื้นฐานของความเป็นไทย

                         กิจกรรมการเรียนรู้ด้วยโครงการโดยใช้ไอซีทีตามแนวคอนสตรัคชั่นนิซึ่ม
(PBL using ICT : Constructionism)

เรื่อง              ศาสตร์แห่งพระราชา : ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารบนพื้นฐานของความเป็นไทย
รายวิชา          ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร (รหัสวิชา GELN 101)
นักศึกษา         ระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์ทั่วไป
คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
ระยะเวลา        ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2559 จำนวน 9 ชั่วโมง

1.จุดประสงค์การจัดการเรียนรู้ (Objective)
1.นักศึกษามีความรู้ความเข้าใจปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ ได้
2.นักศึกษามีความสามารถวางแผนโครงการ สืบค้น สร้างความรู้ และสร้างสรรค์ชิ้นงานที่แสดงออกถึงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยนำมาเชื่อมโยงกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงผ่านสื่อ ICT ในรูปแบบต่างๆ
3. นักศึกษามีสมรรถนะและคุณลักษณะที่จำเป็นแห่งศตวรรษที่ 21

  1. เนื้อหา ที่นำมาใช้
    หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในสถานการณ์ต่างๆในชีวิตประจำวัน
    3.กิจกรรมการจัดการเรียนรู้ (Activities)
    กระบวนการจัดการเรียนรู้ยึดหลักการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยโครงการโดยใช้ ICT ตามแนวคอนสตรัคชั่นนิซึม โดยมีกระบวนการจัดการเรียนรู้ประกอบด้วย  7  ขั้น ดังนี้

ขั้นที่ 1 ทบทวนความรู้และความสนใจ
กิจกรรมในขั้นตอนนี้เป็นการอภิปรายซักถามความรู้เดิมของผู้เรียนเกี่ยวกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและสาระทางภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
หลังจากนั้นแบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่ม 4-6 คนเพื่อให้สนทนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อเลือกหัวเรื่องที่สนใจสืบค้นตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยใช้สาระของภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารเป็นแกน ในการเลือกหัวเรื่องผู้เรียนจะเลือกตามความสนใจของผู้เรียน หรือร่วมกันเลือกกับผู้สอน โดยผู้สอนเสนอเกณฑ์ในการเลือกหัวเรื่อง คือ ควรเป็นเรื่องที่ผู้เรียนมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ มีเนื้อหาสาระของรายวิชาต่างๆรวมอยู่ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สังคม สิ่งแวดล้อม ภาษา ฯลฯ และมีแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นของผู้เรียน
ขั้นที่ 2 พัฒนาโครงการ
กิจกรรมในขั้นนี้ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มร่วมระดมความคิด วางแผนจัดทำโครงการตามหัวเรื่องที่ผู้เรียนสนใจสืบค้น โดยกำหนดวัตถุประสงค์ ขอบเขตเนื้อหา แหล่งเรียนรู้ วิธีการสืบค้น เครื่องมือที่ใช้ และระยะเวลาดำเนินการ
หลังจากนั้นนำเสนอผู้สอนเพื่ออภิปรายและรับข้อเสนอแนะ
ขั้นที่ 3 ทำงานภาคสนาม
เป็นขั้นเริ่มต้นดำเนินกิจกรรมตามที่แผนโครงการที่กำหรด ผู้เรียนจะลงมือปฏิบัติการสืบค้นข้อมูลนอกสถานที่ หรือเป็นการทรรศนะศึกษา โดยผู้เรียนจะได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ จากข้อมูลพื้นฐาน การสนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบุคคลในชุมชน สืบค้นข้อมูลจากสถานที่จริงหรือจากแหล่งข้อมูลรอง เช่น วีดีทัศน์ หนังสือ และฐานข้อมูลบนออนไลน์ หลังจากนั้นสรุปข้อมูลที่ได้และวางแผนรูปแบบนำเสนอต่อกลุ่มใหญ่
ขั้นที่ 4 นำเสนอประสบการณ์ภาคสนาม
ผู้เรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันระดมความคิด รวบรวม และสรุปข้อมูลพื้นฐานที่ได้จากการลงมือสืบค้นในภาคสนามทั้งทางด้านข้อความรู้ ประสบการณ์ และปัญหาต่างๆ และนำเสนอกลุ่มใหญ่ในรูปแบบต่างๆ เช่น Mind map, Poster, หรือการแสดงบทบาทสมมุติ เสนอต่อเพื่อกลุ่มใหญ่ เมื่อนำเสนอแล้วจะมีการอภิปราย ให้ข้อเสนอแนะต่างๆ จากเพื่อนและผู้สอน  หลังจากนั้นแสดงผลงานและข้อสรุปของแต่ละกลุ่มแบบนิทรรศการไว้ในห้องเพื่อใช้ในการทบทวน อภิปราย และปรับปรุงการดำเนินกิจกรรมตามแผนโครงการของแต่ละกลุ่มต่อไป
ขั้นที่ 5 สืบค้นข้อมูลเชิงลึก
ขั้นตอนนี้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มจะระดมความคิดอีกครั้งโดยนำข้อมูลที่ได้จากภาคสนามและข้อสรุปที่ได้จากการอภิปรายกลุ่มใหญ่ในชั้นเรียนมาร่วมกันวิเคราะห์จุดเด่นและจุดอ่อนในประเด็นต่างๆ แล้วลงมือสืบค้นข้อมูลในลายละเอียด อย่างลุ่มลึก กว้างขวางอย่างเพียงพอ แล้วพิจารณาร่วมกันว่ามีความถูกต้องเหมาะ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ น่าสนใจ มีคุณค่าแก่การเรียนรู้  โดยผู้สอนคอยให้คำแนะนำ ตลอดจนร่วมอภิปรายกับผู้เรียนในการกำหนดแนวการวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ขั้นที่ 6 นำเสนอโครงการและประเมิน
ขั้นนี้เป็นการแสดงผลงานของแต่ละกลุ่มในรูปแบบต่างๆ ผ่านสื่อ ICT ซึ่งสาระต่างๆภายในเนื้องานจะเป็นการผสมผสานข้อความรู้ที่ค้นพบ สมรรถนะและคุณลักษณะที่จำเป็นแห่งศตวรรษที่ 21 ตลอดจนคุณค่าของความเป็นไทยและความเป็นพลโลกของผู้เรียนทุกคนซึ่งแฝงไว้ในผลงาน
ขณะแสดงผลงาน ผู้เรียนจะทำการประเมินผลงานของเพื่อนและประเมินผลงานของตนตามหลักการประเมินตามสภาพจริงโดยอิงเกณฑ์การประเมินแบบ Rubrics
ขั้นที่ 7 สะท้อนและสรุปผลการเรียนรู้
ขั้นนี้จะเป็นการอภิปรายกลุ่มใหญ่เกี่ยวกับประสบการณ์การเรียนรู้ต่างๆ ร่วมกันสะท้อน ให้ข้อเสนอแนะประเด็นที่เป็นข้อผิดพลาดทางภาษา การสื่อความหมาย ร่วมกันปรับแก้ให้มีความถูกต้องเหมาะสม และสรุปผลการเรียนรู้ โดยผู้สอนเป็นผู้ร่วมอภิปรายและเสริมข้อความรู้ที่จำเป็นเพื่อให้เกิดความถูกต้อง

  1. เครื่องมือไอซี/ สื่อ /วัสดุ/อุปกรณ์ (Tools and Materials) ที่นำมาใช้
    – สื่อและแหล่งเรียนรู้ต่างๆ ที่ปรากฎบนฐานข้อมูลออนไลน์ เช่น WWW.ที่เกี่ยวข้องกับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร , สื่อวิดีทัศน์,  และ สาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องจาก YouTube หรือสื่อที่ปรากฎบนฐานข้อมูลออนไลน์
    – คอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป กล้องวิดีโอ เครื่องบันทึกเสียง
    – Smart phone, IPAD, Note Book
    – โปรแกรมประยุกต์ Microsoft Word, Window Movie Maker, Sony Vegas, Ulead, ฯลฯ
  2. การวัดผลและประเมินผล
    นำหลักการวัดและประเมินเชิงปริมาณควบคู่เชิงคุณภาพ มาประยุกต์ใช้ดังนี้
    การวัดผลการเรียนรู้
    วิธีที่นำมาใช้ มีดังนี้
    4.1 ทดสอบ โดยทดสอบความรู้ความเข้าใจเนื้อหาทางภาษาและการประยุกต์องค์ความรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารบูรณาการกับองค์ความรู้ตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
    4.2 สังเกต โดยสังเกตพฤติกรรมการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารทั้งด้านการฟัง-พูด และด้านการอ่าน-เขียนภาษาอังกฤษ และความสามารถด้าน ICT ของผู้เรียน เช่น การถ่ายภาพ การบันทึกและตัดต่อวิดีโอ การบันทึกเสียง ฯลฯ
    4.3 ตรวจผลงาน เช่น ประเมินโครงการ ร่างบทสนทนาภาษาไทยและแปลเป็นภาษาอังกฤษ การจัดทำ story board การทำ Mind map ประเมินชิ้นงาน และประเมินภาระงาน เป็นต้น
    4.4 ลงมือปฏิบัติการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารในการเรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เช่น การแสดงบทบาทสมมุติ การสร้างสถานการณ์จำลอง การใช้กลยุทธ์ทางภาษาเพี่อการสื่อสารในสถานการณ์ต่างที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ฯลฯ
    4.5 ปฏิบัติการใช้ ICT ในรูปแบบต่างๆ ได้แก่ การสร้างเรื่อง การจัดทำ storyboard การถ่ายวิดีโอ การจัดทำฉาก การกำหนดตัวละคร การกำหนดมุมกล้อง การใช้สี แสง และเสียง และการใช้อุปกรณ์ต่างๆ
    4.6 ประเมินเชิงคุณภาพ โดยประเมินทักษะแห่งศตวรรษที่21 และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามมาตรฐานผลการเรียนรู้ 5 ด้านที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษากำหนด (TQF) ที่ปรากฎใน มคอ.3 และ curriculum mapping ในหลักสูตรรายวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสาร
    การประเมินผลการเรียนรู้ ได้แก่ การประเมินตามสภาพจริง (authentic assessment) โดยใช้ Rubrics Scores
  3. บันทึกอนุทินหลังการจัดการเรียนรู้
    ภายหลังการจัดการเรียนรู้ในแต่ละครั้งผู้เรียนและผู้สอนจะร่วมกันสะท้อนผลการเรียนรู้และประสบการณ์ที่ได้รับด้วยวิธีการอภิปราย แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ปรับแก้ไขข้อผิดพลาดต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งขณะฝึกภาษา และการนำเสนอผลงานทั้งในด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษ และด้านการใช้ ICT ตลอดจนทักษะกระบวนการต่างๆ ได้แก่ การทำโครงการ การแก้ปัญหา การทำงานกลุ่ม การสร้างสรรค์ชิ้นงาน การประสานหน่วยงาน บุคคลและชุมชนที่เป็นแหล่งเรียนรู้ เน้นการประเมินแบบกัลยาณมิตรในการสรุปผลการเรียนรู้ภายหลังการเรียนในแต่ละครั้งผู้สอนจะตั้งคำถาม 3 คำถาม ได้แก่
    1. วันนี้ได้เรียนรู้อะไรบ้าง
    2. รู้สึกอย่างไร
    3. นำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปประยุกต์ใช้อย่างไร
    โดยให้ผู้เรียนนำเสนอทั้งการพูดและ/หรือการเขียนในลักษณะต่างๆ เช่น การถอดรหัส (coding) บทกลอน บทเพลง ภาพวาด mind map โปสเตอร์ ฯลฯ และบันทึกอนุทินการเรียนรู้

                       7.ข้อมูลเพิ่มเติม    7.1 ภาพตัวอย่างการวางแผนจัดทำทำโครงการของนักศึกษาแต่ละกลุ่ม

7.2 ภาพตัวอย่าง Story board ของนักศึกษาแต่ละกลุ่ม

16118143_1327040193984410_856711335_n

7.3 ภาพเบื้องหลังการดำเนินการสร้างสรรค์ชิ้นงานผ่าน ICT ของนักศึกษาแต่ละกลุ่ม

12 14 %e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%a1-2 %e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%a11 %e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%a14 %e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%a15

7.4 ภาพตัวอย่างกิจกรรมการเรียนรู้

16114260_1326161177405645_284419132545962405_n 15977662_1326160980738998_7780167473986988296_n 15965167_1326161187405644_6516957320700052275_n 15941503_1326161194072310_2415993408796100620_n

7.5 ตัวอย่างแบบประเมินความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร

ประเด็นการประเมินและเกณฑ์การให้คะแนนความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร

(ทักษะการฟัง-พูด)

ตาราง 1 ประเด็นการประเมินและเกณฑ์การให้คะแนนความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร

ประเด็นการประเมิน ระดับคะแนน
4 3 2 1
 

 

 

 

การออกเสียง

สนทนาโต้ตอบ โดยออกเสียงได้ชัด  ลงเสียงหนักเบา         มีจังหวะ ใช้เสียงสูงต่ำ     ระดับเสียง เสียงเชื่อมโยงคำ สามารถสื่อความหมายกับ     คู่สนทนาได้สูงกว่า ร้อยละ   80  จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์ สนทนาโต้ตอบ โดยออกเสียงได้ชัดพอที่จะเข้าใจได้ ลงเสียงหนักเบา มีจังหวะ  ใช้เสียงสูงต่ำ ระดับเสียง  เสียงเชื่อมโยงคำ สามารถสื่อความหมาย    กับคู่สนทนา  ได้ร้อยละ       70-79 จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์ สนทนาโต้ตอบ โดยออกเสียงไม่ชัดบางตอน ทำให้เข้าใจ   ได้ยาก  มีการลงเสียงหนักเบา          มีจังหวะ ใช้เสียงสูงต่ำ ระดับเสียง เสียงเชื่อมโยงคำบ้าง  สามารถสื่อความหมายกับ      คู่สนทนาได้ร้อยละ  60-69        จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้ ในสถานการณ์ สนทนาโต้ตอบ โดยออกเสียงคำไม่ชัด เกือบฟังไม่เข้าใจบ่อยครั้ง ไม่ลงเสียงหนักเบา ไม่มีจังหวะ ไม่ใช้เสียงสูงต่ำ ระดับเสียงเนือย ๆ ไม่ทำ   เสียงเชื่อมโยงคำ สามารถ   สื่อความหมายกับคู่สนทนา   ได้ร้อยละ  50-59 จากเกณฑ์ขั้นต่ำของ จำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์ 

ตาราง 1 ประเด็นการประเมินและเกณฑ์การให้คะแนนความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร

(ทักษะการฟัง-พูด) (ต่อ)

ประเด็นการประเมิน ระดับคะแนน
4 3 2 1
 

 

 

 

การใช้คำศัพท์

 

 

 

 

เลือกใช้คำศัพท์ วลี ประโยคสำนวน ในการสนทนาโต้ตอบถูกต้องเหมาะสม มีความหลากหลาย อย่างกว้างขวาง  สามารถสื่อความหมายกับ     คู่สนทนา ได้สูงกว่า ร้อยละ  80  จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์ เลือกใช้คำศัพท์ วลี ประโยคสำนวน ในการสนทนาโต้ตอบถูกต้องเหมาะสมบ้าง แต่ยัง ไม่หลากหลาย  ไม่กว้างขวาง สามารถสื่อความหมายกับ     คู่สนทนาได้ร้อยละ 70-79  จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้         ในสถานการณ์ เลือกใช้คำศัพท์ วลี ประโยคสำนวน ในการสนทนาโต้ตอบถูกต้องเหมาะสมบ้าง แต่คำศัพท์ ไม่หลากหลาย  สามารถสื่อความหมายกับ     คู่สนทนาได้ร้อยละ 60-69           จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้         ในสถานการณ์ เลือกใช้คำศัพท์ วลี ประโยคสำนวน ในการสนทนาโต้ตอบไม่ถูกต้องเหมาะสมจนสื่อความหมายไม่ตรงกับเรื่องคำศัพท์ไม่หลากหลาย         สื่อความหมายกับคู่สนทนา   ได้ร้อยละ  50-59 จากเกณฑ์ขั้นต่ำของ จำนวนประโยค     ที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์

ตาราง 1  ประเด็นการประเมินและเกณฑ์การให้คะแนนความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร

(ทักษะการฟัง-พูด) (ต่อ)

ประเด็นการประเมิน ระดับคะแนน
4 3 2 1
 

 

 

การใช้กฎเกณฑ์ไวยากรณ์

นำกฎเกณฑ์โครงสร้าง ไวยากรณ์  มาใช้ได้อย่างถูกต้อง ชัดเจน สามารถ      สื่อความหมายกับคู่สนทนา      ได้สูงกว่าร้อยละ 80  จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้         ในสถานการณ์ นำกฎเกณฑ์โครงสร้าง ไวยากรณ์ มาใช้ได้อย่างถูกต้องบ้าง สามารถสื่อความหมายกับคู่สนทนา      ได้ร้อยละ 70-79 จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์ นำกฎเกณฑ์โครงสร้าง ไวยากรณ์  มาใช้ไม่ถูกต้อง   5-6 ตำแหน่ง  สื่อความหมาย      กับคู่สนทนา ได้ร้อยละ  60-69        จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้         ในสถานการณ์ นำกฎเกณฑ์โครงสร้าง ไวยากรณ์มาใช้ไม่ถูกต้อง มากกว่า 7ตำแหน่ง สื่อความหมายกับคู่สนทนา      ได้ร้อยละ  50-59 จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยค      ที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์

ตาราง 1 ประเด็นการประเมินและเกณฑ์การให้คะแนนความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร

 (ทักษะการฟัง-พูด) (ต่อ)

ประเด็นการประเมิน ระดับคะแนน
4 3 2 1
 

 

การเลือกใช้ภาษา               ได้เหมาะสมกับ           สถานการณ์ในสังคม

มีความสามารถในการใช้ภาษาได้เหมาะสมกับเรื่องราว สถานการณ์และบริบทที่เกิดขึ้นในการสนทนา            ได้สูงกว่าร้อยละ 80  จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้         ในสถานการณ์ มีความสามารถในการใช้ภาษาได้เหมาะสมกับเรื่องราว สถานการณ์และบริบทที่เกิดขึ้นในการสนทนาได้ร้อยละ 70-79 จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์ ใช้ภาษาได้เหมาะสมกับเรื่องราวสถานการณ์ และบริบทที่เกิดขึ้น ในการสนทนา ได้ร้อยละ 60-69 จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์ ใช้ภาษาไม่เหมาะสมกับเรื่องราว สถานการณ์ และบริบทที่เกิดขึ้น ในการสนทนา

ได้ร้อยละ 50-59 จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์

ตาราง 1  ประเด็นการประเมินและเกณฑ์การให้คะแนนความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร

(ทักษะการฟัง-พูด) (ต่อ)

ประเด็นการประเมิน ระดับคะแนน
4 3 2 1
 

 

 

การวิเคราะห์ความหมายและความสัมพันธ์ของข้อความ

เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของประโยคกับเรื่องราวที่สนทนาได้เป็นอย่างดี ตีความประโยคของคู่สนทนาและสามารถพูดโต้ตอบ สื่อความหมาย        ในการสนทนาได้สูงกว่า     ร้อยละ 80  จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนด ให้ใช้ในสถานการณ์ เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของประโยคกับเรื่องราวที่สนทนาได้ดี ตีความประโยคของ        คู่สนทนาได้เป็นส่วนใหญ่  และสามารถพูดโต้ตอบ         สื่อความหมายในการสนทนา      ได้ร้อยละ 70-79 จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์ เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของประโยคกับเรื่องราวที่สนทนาได้  ตีความประโยคของคู่สนทนาได้ปานกลางสามารถพูดโต้ตอบ สื่อความหมาย   ในการสนทนา ได้ร้อยละ  60-69 จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนด      ให้ใช้ในสถานการณ์ เชื่อมโยงความสัมพันธ์ของประโยคกับเรื่องราวที่สนทนาได้เล็กน้อยตีความประโยคของคู่สนทนาได้เพียงบางประโยค พูดโต้ตอบ สื่อความหมาย   ในการสนทนา  ได้ร้อยละ       50-59 จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์

ตาราง 1  ประเด็นการประเมินและเกณฑ์การให้คะแนนความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร

(ทักษะการฟัง-พูด) (ต่อ)

ประเด็นการประเมิน ระดับคะแนน
4 3 2 1
 

 

 

 

การใช้ยุทธวิธีในการสื่อสาร

ใช้สีหน้า ลีลาท่าทาง น้ำเสียงในการแสดงการสื่อสาร ทางภาษา และการมีปฏิสัมพันธ์   ทำให้คู่สนทนาเกิดความสนใจ และเข้าใจความหมาย         ในการสื่อสารได้สูงกว่า      ร้อยละ 80  จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนด ให้ใช้ในสถานการณ์ ใช้สีหน้า ลีลาท่าทาง น้ำเสียงในการแสดงการสื่อสารทางภาษา และการมีปฏิสัมพันธ์ ทำให้คู่สนทนาเกิดความสนใจ และเข้าใจความหมาย         ในการสื่อสาร ได้ร้อยละ 70-79       จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้         ในสถานการณ์ ใช้สีหน้า ลีลาท่าทาง น้ำเสียงในการแสดงการสื่อสารทางภาษา และการมีปฏิสัมพันธ์ ทำให้คู่สนทนาเกิดความสนใจ และเข้าใจความหมาย         ในการสื่อสารได้ร้อยละ 60-69 จากเกณฑ์ขั้นต่ำของ จำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้         ในสถานการณ์ ใช้สีหน้า ลีลาท่าทาง น้ำเสียงในการแสดงการสื่อสารทางภาษาและการมีปฏิสัมพันธ์  ทำให้คู่สนทนาเกิดความสนใจ และเข้าใจความหมาย  ได้ ร้อยละ 50-59 จากเกณฑ์    ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์

ตาราง 1  ประเด็นการประเมินและเกณฑ์การให้คะแนนความสามารถในการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสาร

(ทักษะการฟัง-พูด) (ต่อ)

ประเด็นการประเมิน ระดับคะแนน
4 3 2 1
 

 

 

 

 

ความคล่องแคล่ว

ในการใช้ภาษา

สามารถพูดได้อย่างคล่องแคล่วราบรื่น มีการใช้คำเชื่อมประโยคต่าง ๆ ได้ดี  ทั้งในการพูดโดยทั่วไป และการอธิบายถึงสิ่งใด ๆ ที่ค่อนข้างเข้าใจยาก ทำให้คู่สนทนา เข้าใจความหมาย   ในการสื่อสารได้สูงกว่า ร้อยละ 80  จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์ พูดได้ค่อนข้างราบรื่น มีการใช้คำเชื่อมประโยคต่างๆ ได้ดี

ทั้งในการพูดโดยทั่วไป และการอธิบายถึงสิ่งใด ๆ ที่ค่อนข้างเข้าใจยาก การโต้ตอบสะดุดเป็นบางครั้ง  ทำให้คู่สนทนา เข้าใจความหมาย     ในการสื่อสาร ได้ร้อยละ      70-79  จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้ในสถานการณ์

 

มีการใช้คำเชื่อมประโยคต่าง ๆ ได้บ้าง  พูดตะกุกตะกักเล็กน้อย พูดอธิบายถึงสิ่ง     ใด ๆ ที่ค่อนข้างเข้าใจยากได้พอเข้าใจ การโต้ตอบสะดุดบ่อยครั้ง ทำให้คู่สนทนา เข้าใจความหมายในการสื่อสาร     ได้ร้อยละ  60-69  จาก   เกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้         ในสถานการณ์ มีลักษณะการพูดที่ลังเล พูดตะกุกตะกักมักจะพูดประโยคที่ไม่สมบูรณ์ ประโยคที่พูด   จะเป็นประโยคสั้น ๆ  ขาดความต่อเนื่อง ทำให้คู่สนทนา เข้าใจความหมายใน             การสื่อสาร ได้ร้อยละ  50-59   จากเกณฑ์ขั้นต่ำของจำนวนประโยคที่กำหนดให้ใช้         ในสถานการณ์

ประยุกต์จาก :  อารีย์ ปรีดีกุล .(2554). การพัฒนารูปแบบการสอนทักษะฟัง-พูดภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารตามแนวคิดการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารและการเรียนรู้โดยใช้สมองเป็นฐานสำหรับนักศึกษาระดับอุดมศึกษา ปริญญาการศึกษาดุษฎีบัณฑิต (สาขาหลักสูตรและการสอน) คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร.

  1. รายชื่อเจ้าของผลงาน
    ประเภทที่ 2  :     อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏเครือข่ายภาคเหนือ
    ชื่อ-นามสกุล :      อาจารย์ ดร.อารีย์  ปรีดีกุล
    สอนสาขา/   :      สาขาวิชาหลักสูตรและการสอน และ การสอนภาษาอังกฤษ
    สถานศึกษา  :      คณะครุศาสตร์  มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม
    หมายเลขโทรศัพท์  055 230597    ,  081 680 3561
    e-mail :  ngok_pb@hotmail.com

ภาคผนวก
1. ผลงานที่ส่งเข้าประกวด  ได้แก่

(ฉบัับแก้ไข file vdo 1 กุมภาพันธ์ 2560)

  1. ผลการเรียนรู้และผลงานของนักศึกษา ได้แก่

2.1 PBL using ICT : ผลงานของนักศึกษากลุ่มที่ 1

2.2 PBL using ICT : ผลงานของนักศึกษากลุ่มที่ 2

https://www.youtube.com/watch?v=NmO_q82Kjpo

2.3 PBL using ICT : ผลงานของนักศึกษากลุ่มที่ 3

https://www.youtube.com/watch?v=fFnq6s8gkYc

2.4 PBL using ICT : ผลงานของนักศึกษากลุ่มที่ 4

https://www.youtube.com/watch?v=lSRtITrQV_I

2.5 PBL using ICT : ผลงานของนักศึกษากลุ่มที่ 5

https://www.youtube.com/watch?v=jLE44T12Djg